สัตว์ป่า สูญพันธุ์ เพราะใคร

สัตว์ป่า สูญพันธุ์ เพราะใคร

ทุกสรรพชีวิตต่างอยู่ร่วมกันภายใต้ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ สัตว์ป่า… หนึ่งในธรรมชาติอันงดงามที่โลกสร้างสรรค์มาให้ นับวันกลับถูกทำลายล้างจนเกือบหมดสิ้น บางชนิดสูญพันธ์ บางชนิดร่อยหรอลงไปอย่างมาก หากวันนี้… เราไม่เร่งหาทางอนุรักษ์อีกไม่ช้าไม่นาน สัตว์ป่าเมืองไทยที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็คงเหลือไว้แต่เพียงตำนานที่ทรงคุณค่าอย่างมหันต์ สัตว์ป่าทุกชนิดมีคุณค่า มีความหมาย หากคิดผลาญทำลาย โปรดยั้งใจไว้บ้าง

 

มีสัตว์ป่าและพืชที่ได้รับการจำแนกชนิดแล้วในโลกไม่น้อยกว่า 4 ล้านชนิด ในจำนวนนี้มีอยู่มากกว่าครึ่งหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าเขตร้อนของโลก ซึ่งคิดเป็นพื้นดินประมาณร้อยละ 6 ของพื้นดินทั้งโลก

ในจำนวนสัตว์และพืชที่พบทั้งหมดนี้ มีอยู่ครึ่งหนึ่งที่พบอยู่ในป่า (ประมาณ 2 ล้านชนิดพันธุ์) ปรากฏว่าในแต่ละปี สัตว์ป่าและพืชป่าสูญพันธ์ไป 4,000 – 6,000 ชนิด จากการที่ป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดและถิ่นที่อยู่อาศัยถูกทำลายไป และอัตราการทำลายก็ยังคงอยู่เมื่อเทียบอัตราการสูญพันธุ์ไปตามธรรมชาติของพืชและสัตว์แล้ว การทำลายที่เกิดจากการที่มนุษย์ทำลายป่าธรรมชาติทำให้พืชป่าและสัตว์ป่าต้องสูญพันธ์ไปในอัตราส่วนที่มากกว่า 10,000 เท่าของอัตราการสูญพันธ์ไปตามธรรมชาติ

มีสัตว์ป่าและพืชป่าหลายชนิดที่ได้ค้นพบว่ามีคุณค่าต่อมนุษย์ในแง่ของการปรับปรุงพันธุ์สัตว์เลี้ยงและใช้เป็นยารักษาโรคร้ายแรง อย่างเช่นวัวแดงในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อผสมกับวัวบ้านจะให้ลูกผสมที่มีขนาดใหญ่และทนความร้อนของอากาศได้ดีกว่า ส่วนพืชป่า อย่างเช่น แพงพวยฝรั่ง ที่สามารถนำมาสกัดเอาสารเคมีที่สามารถใช้ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคโลหิตเป็นพิษ ซึ่งเมื่อคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวก็มีค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ต่อปี

รายได้นี้เกิดจากการเก็บหาของป่า (ผลผลิตจากป่า) โดยวิธีเก็บเกี่ยวที่ยังคงรักษาต้นทุน (ป่าธรรมชาติ) ไว้มิให้ถูกทำลายไปด้วย จะมีค่ามหาศาลกว่าการทำลายป่าเพื่อใช้ที่ดินไปปลูกพืชเพื่อการเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์ เพราะป่าเป็นแหล่งผลิตธาตุอาหารที่สำคัญแก่ดิน จะสูญเสียธาตุอาหารไปกับหน้าดินที่ถูกกัดชะภายในเวลาเพียง 2-3 ปีเท่านั้น

มูลค่าที่จะได้จากผลไม้และยางไม้นี้ยังไม่รวมถึงสมุนไพร หวาย ปาล์ม ที่เก็บหาได้จากป่าโดยไม่ตัดทำลายต้นแม่ไม้ จะมีค่ามากกว่าร้อยละ 90 จากการเลือกตัดไม้ใหญ่ที่ได้ขนาดออกโดยไม่ทำลายป่าที่เหลืออยู่ และการตัดทำลายป่าออกไปเพื่อใช้ที่ดินสำหรับการปลูกไม้โตเร็วเพื่อทำเยื่อกระดาษ หรือเพื่อเลี้ยงปศุสัตว์จะมีมูลค่าน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง การเลือกตัดไม้ใหญ่ออกอย่างถูกวิธีและยังคงเหลือป่าไว้สำหรับต้นไม้ที่จะโตขึ้นมาจนได้ขนาดตัดฟันได้อีกอย่างต่อเนื่องตลอดไป

สัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าก็เช่นเดียวกับป่าเขตร้อนที่เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า มันได้ถูกทำลายนำไปขายยังต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรากลายเป็นสินค้าส่งออกที่ทำรายได้มหาศาลให้กับรัฐบาลและนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง ในขณะที่การเก็บหาของป่าโดยไม่ทำลายป่าและสัตว์ป่าเป็นอาชีพของราษฎรยากจนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ยังต้องอาศัยป่าเพื่อการยังชีพ อาศัยที่ดินและน้ำที่มีคุณภาพซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากป่า เครือข่ายของการกระจายรายได้ดังกล่าวมานี้ยากที่จะเห็นเป็นตัวเลขอย่างเด่นชัด และมักจะถูกละเลยในการวางแผนเพื่อการพัฒนารายได้ของประชาชาติ ระบบของการใช้ป่าอย่างต่อเนื่องตลอดไปโดยไม่ทำลายป่าต้นทุนเดิมไม่เคยบังเกิดผลให้เห็นในทางปฏิบัติ จึงทำให้สัตว์ป่าที่ต้องอาศัยป่าเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยต้องล้มหายตายจากไปทั้งเผ่าพันธุ์

สัตว์ป่าหลายชนิดถูกจัดลำดับว่าเป็นสัตว์ป่าหายากและกำลังจะสูญพันธ์ได้รับความสนใจศึกษาและนำมาขยายพันธุ์ในกรงเลี้ยง เพื่อการปล่อยกลับคืนให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในป่าต่อไป จนกระทั่งสามารถสืบพันธุ์และเพิ่มจำนวนประชากรในถิ่นกำเนิดดั้งเดิมตามธรรมชาติ อันเป็นเป้าหมายหลักและเป้าหมายสุดท้ายของการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าได้บ้างแล้วเป็นบางชนิด แต่น้อยมากเมื่อคิดเทียบเป็นสัดส่วนกับอัตราการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าไปจากโลกนี้ นั่นคือสัตว์ป่าจำพวกที่มีกระดูกสันหลังขนาดใหญ่ต้องสูญพันธุ์ไปแล้วถึง 151 ชนิด ในเวลา 400 ปีที่ผ่านมา

PHOTO สืบ นาคะเสถียร

 

การนำสัตว์ป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์มาเลี้ยงในกรงเลี้ยงเพื่อให้สามารถคงเผ่าพันธุ์ไว้ได้ ถ้าเป็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่จะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 200 ตัวขึ้นไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันการผสมกันเองในกลุ่มเลือดที่เกิดจากพ่อแม่พันธุ์คู่เดียวกัน อันมีผลต่อลักษณะด้อยที่จะเกิดในรุ่นลูกรุ่นหลาน สัตว์ที่หายากหลายชนิดถูกนำมาเลี้ยงจนออกลูกได้ในกรงเลี้ยง เพื่อกิจการของสวนสัตว์เพียงอย่างเดียวก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากอยู่แล้ว อย่างเช่น ที่สวนสัตว์บรองซ์ในนิวยอร์ก ค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงดูแรดอินเดียหนึ่งตัวต่อปีมีค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 210,000 บาท หรือสำหรับละมั่งพันธุ์พม่าก็ตกไปถึง 20,000 บาท ซึ่งถ้าจะต้องเลี้ยงให้มีจำนวนพ่อแม่มากพอเพื่อคงลักษณะเดิมของพันธุ์ไว้ได้ ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมากจนไม่สามารถทำได้ในสวนสัตว์ และจะต้องเตรียมสถานที่ที่มีขนาดใหญ่โตขนาดเท่ากับป่าธรรมชาติผืนใหญ่หนึ่งผืนทีเดียว ในบรรดาสัตว์ป่าที่หายากเหล่านี้มีอยู่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สามารถผสมพันธุ์ออกลูกได้ในกรงเลี้ยง

การอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทยจะสามารถประสบผลสำเร็จได้ จะต้องอาศัยความเข้าใจและความจริงใจต่อการอนุรักษ์ป่าธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ประมาณร้อยละ 20 ของพื้นที่ประเทศ ไม่เช่นนั้นแล้วจำนวนชนิดของสัตว์ป่าหายากและกำลังจะสูญพันธุ์เหล่านี้จะต้องสูญไป พร้อมกับการบุกรุกทำลายป่าทั้งในรูปแบบของการพัฒนาที่ต้องตัดป่า ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าออกมา และรวมถึงการยึดครอบครองพื้นที่ป่าเพื่อกิจการอื่นๆ

ตัวอย่างเปรียบเทียบที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ อัตราค่าใช้จ่ายงบประมาณในการดูแลรักษาป่าธรรมชาติในรูปของป่าอนุรักษ์ กับค่าใช้จ่ายในการปลูกต้นไม้โตเร็วขึ้นมาทดแทนบนพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกทำลายไป จากการที่ไม่สามารถป้องกันราษฎรเข้าไปบุกรุกยึดครอง เมื่อป้องกันไม่ได้และสภาพป่าเปลี่ยนแปลงไป ทางรัฐบาลก็ยังต้องแบ่งสรรงบประมาณสำหรับการปลูกต้นไม้โตเร็วที่ไม่ใช่ไม้ป่าขึ้นมาทดแทนอีก นอกจากจะต้องเสียเงินค่าป้องกันรักษาแล้ว ยังจะต้องเสียเงินค่าปลูกต้นไม้เป็นสวนต้นไม้ขึ้นมาทดแทนป่าธรรมชาติที่ไม่สามารถปลูกขึ้นมาทดแทนได้

ป่าธรรมชาติที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลก ได้รับงบประมาณในการป้องกันรักษาป่าธรรมชาติซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประมาณครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 44) ของจำนวนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนบกของประเทศ (พบ 120 ชนิด จากทั้งหมด 267 ชนิด) และนกประมาณร้อยละ 47 (พบ 400 ชนิด จาก 912 ชนิด) ในจำนวนนี้มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกจัดว่าเป็นสัตว์ที่กำลังถูกคุกคามและกำลังจะสูญพันธุ์ไปจำนวน 46 ชนิด และนก 35 ชนิด ป่าอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ได้รับงบประมาณเพื่อการดูแลรักษาโดยเฉลี่ยต่อพื้นที่ (พื้นที่ทั้งหมดรวม 5,775 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,609,375 ไร่) คิดเป็นเพียง 1 บาทต่อไร่เท่านั้น ในขณะที่ป่าสงวนแห่งชาติหลังจากที่ถูกบุกรุกทำลายจนเสื่อมสภาพไปแล้ว รัฐจะต้องจัดหางบประมาณไปให้สำหรับปลูกต้นไม้ที่ไม่ใช่ป่าขึ้นมาให้อีกเป็นเงินถึงไร่ละ 1,000 บาท จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่างานด้านการป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรของชาติเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังไม่ได้รับความสำคัญให้มีการปฏิบัติให้เกิดผลเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพได้ ยกเว้นว่าทางรัฐบาลจะให้ความสำคัญโดยการยอมรับให้มีการปฏิบัติตามแผนแม่บทของการจัดการป่า สำหรับเขตรักษาพันธุ์ป่าทางเขตนี้ได้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทไว้แล้ว จึงสมควรที่จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณ กำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งวัสดุอุปกรณ์ ยานพาหนะ ฯลฯ ตามที่กำหนดไว้ในแผนการ

ปัญหาของการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่องว่างของกฎหมายที่อนุญาตให้บุคคลมีสัตว์ป่าไว้ในครอบครองโดยไม่ต้องขออนุญาต สิ่งนี้เป็นช่องทางให้มีการล่าสัตว์ด้วยการยิงแม่เอาลูก ขโมยลูกจากรัง หรือดักจับเอามาเพื่อให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อเอามาเลี้ยงไว้ดูเล่น หรือเพื่อการเพาะเลี้ยงในกรงโดยไม่ต้องขออนุญาตในการมีไว้ครอบครอง ในกรณีที่จำนวนสัตว์ป่าไม่เกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ สัตว์ป่าชนิดที่หายากและกำลังจะสูญพันธุ์สมควรได้รับการกำหนดขึ้นมา เพิ่มเป็นสัตว์ป่าสงวน ที่การล่า การค้า หรือการครอบครองจะต้องได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษส่วนสัตว์ป่าชนิดที่เหมาะ สมสำหรับนำมาเลี้ยงเพื่อการขยายพันธุ์หรือการค้า ก็สมควรกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเสียทั้งหมด การมีไว้ครอบครองไม่ว่ากี่ตัวก็ตามสมควรจะต้องได้รับการอนุญาตทั้งสิ้น ส่วนสัตว์ป่าชนิดอื่นที่เหลือซึ่งเป็นชนิดที่มีอยู่มากสามารถนำมาเลี้ยงและขยายพันธุ์ในกรงเลี้ยงได้ดี ก็ไม่ต้องจัดขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอีกต่อไป ทั้งนี้สัตว์ชนิดใดสมควรเป็นสัตว์ป่าประเภทใด ควรพิจารณาไปตามสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และมีการแก้ไขปรับปรุงรายชื่อให้เหมาะสม

PHOTO สืบ นาคะเสถียร

 

การที่อนุญาตให้บุคคลใดมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ต้องขออนุญาต (ในกรณีที่มีปริมาณมากเกินจากที่กำหนด) ก่อให้เกิดปัญหาติดตามมาหลังจากมีการลักลอบจับและซื้อขายกันจนผิดกฎหมาย คือ การผลักภาระความรับผิดชอบเมื่อสัตว์ป่าโตขึ้นและแสดงความดุร้าย หรือกินจุจนไม่สามารถเลี้ยงและให้ความรักเหมือนเช่นครั้งแรกๆ ที่ได้มาขณะเป็นลูกสัตว์น่ารัก จึงนำมามอบให้เจ้าหน้าที่หรือมูลนิธิรับเลี้ยงดูสัตว์ป่า (ที่ถูกเลี้ยงจนอยู่ป่าไม่เป็น) ต่อไป ซึ่งเป็นการผลักภาระความรับผิดชอบที่มีสาเหตุมาจากผู้อยากเลี้ยงสัตว์ป่าให้ แก่คนอื่น เหมือนกับว่าตัวเองไม่อยากฆ่าสัตว์ แต่ยื่นดาบให้คนอื่นฟันแทน หรือเหมือนกรณีคลอดลูกแล้วเอาไปทิ้งไว้ตามถังขยะ เป็นภาระให้คนอื่น สัตว์ป่าที่ถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ (ถ้าโตแล้วถูกจับมาจากป่ามักจะตายด้วยอาการเครียด) ถ้าสามารถรอดชีวิตมาได้จนโตจะคุ้นเคยกับคนจนไม่สามารถปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปตามลำพังได้อีก เพราะไหนจะต้องต่อสู้กับเจ้าถิ่นที่ครองพื้นที่ป่าอยู่ ต้องต่อสู้กับศัตรูธรรมชาติ หาอาหารป่ากินเองไม่ได้ สาเหตุต่างๆ เหล่านี้เท่ากับว่าปล่อยสัตว์เลี้ยงให้เข้าไปตายในป่า

สิ่งที่น่าจะช่วยกันทำคือ อย่ารับซื้อลูกสัตว์เลี้ยง (ส่วนมากถูกจับมาจากป่าทั้งนั้น น้อยมากที่จะเลี้ยงแล้วมีลูกในกรงเลี้ยงจนเอามาขายได้เหมือนไก่ เป็ด หมู หมา อย่างเช่น ชะนี และลิงลม มีน้อยมากที่จะผสมพันธุ์และออกลูกได้ในกรงเลี้ยง และส่วนมากลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่อยู่ในกรงมักจะไม่แข็งแรง และเมื่อมันโตขึ้นก็จะเกิดการผสมกันเองในครอบครัวเดียวกัน จนเกิดลักษณะด้อยติดออกมาเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการอนุรักษ์พันธุ์ของสัตว์ ซึ่งเราก็พูดกันมากว่าจะอนุรักษ์กันอย่างไร แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าการรักษาชีวิตสัตว์ให้รอดอยู่ แตกต่างอย่างมากมายกับการอนุรักษ์พันธุ์ของสัตว์ป่าชนิดนั้นๆ) หรือถ้าท่านมีสัตว์ป่านี้เลี้ยงไว้แล้วก็ขอให้พยายามเลี้ยงต่อไปจนกว่ามันจะ ตาย อย่างน้อยก็เพื่อแสดงว่าท่านรับผิดชอบกับชีวิตของสัตว์ป่าตัวหนึ่งแล้ว หรือถ้าท่านนำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่หรือมูลนิธิฯ ควรกำหนดเวลาลงไปให้แน่ชัดว่าให้นำมามอบให้ภายในวันนั้นตั้งแต่ออกประกาศไป หลังจากนั้นจะไม่รับผิดชอบอีกสำหรับผู้ที่ต้องการจะเก็บไปเลี้ยงเอง แต่ต้องมีข้อบังคับที่รัดกุมเกี่ยงกับการเลี้ยงสัตว์ป่า และควบคุมให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการซื้อสัตว์ป่าที่มีผู้ลักลอบมาขายให้อยู่ต่อไปอีก

มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐด้วยการสมมุติตัวเองและสมมุติทุกสิ่งทุกอย่างในโลก แม้แต่ชีวิตของมนุษย์บางคนบางเผ่า นับอะไรกับสัตว์ป่านี้เล่า ถูกตัดสินโดยไม่มีคำสั่งศาลสถิตยุติธรรมให้ตอ้งถูกจองจำในกรงเลี้ยง ถูกทรมาน ถูกฆ่าด้วยวิธีพิสดารเพื่อคนที่ฆ่ามันจะได้เอาหน้าที่บูดเบี้ยว เนื่องจากการฉีดสารฟอร์มาลินเข้าไปแล้วตัดคอมาสตัฟฟ์ขายให้กับบางคนที่มี เงินและใช้เงินซื้อแม้กระทั่งชีวิตของสัตวว์ป่าที่มิได้เบียด เบียนตนเลยแม้แต่น้อย มนุษย์จะเอาเปรียบกันเองและเอาเปรียบชีวิตสัตว์ป่าที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน ในโลกนี้ไปถึงไหน ไม่มีใครรู้ ผู้ที่จะสั่งสอนหรือให้ความรู้สึกผิดชอบได้ดีก็คือตัวท่านให้กับตัวท่านเอง ว่าสมควรหรือที่เราจะเบียดเบียนธรรมชาติให้สูญสิ้นไปภายในเวลาของคนรุ่นเรา เท่านั้น โดยไม่ต้องห่วงถึงลูกหลานไทยที่ไม่มีโอกาสเลือกเกิดมาตวงเอาผลประโยชน์ เหมือนเช่นคนที่เกิดอยู่ในปัจจุบันและมีโอกาสมากกว่าคนอื่น

โสเภณีต้องขายตัวเพื่อแลกกับเงิน แต่สัตว์ป่าต้องถูกแลกด้วยชีวิตเพื่อตอบสนองความอยากของคนบางคน…มันยุติธรรม แล้วหรือ สัตว์ป่าต้องสละแม้กระทั่งชีวิต แล้วเมื่อไรที่มนุษย์สมมุติตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐจะยอมเสียสละความอยาก ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความยุติธรรม เอาเปรียบ และทำลายสิทธิในชีวิตของผู้อื่น

 

ข้อคิดส่งท้าย

ป่า ธรรมชาติถูกทำลาย… ดินสูญหาย… น้ำเหือดแห้ง… อากาศร้อนแล้ง… เกิดภัยพิบัติ… สัตว์ป่าขาดที่อยู่… ขาดอาหาร… ถูกล่าถูกจับขาย… พ่อแม่ถูกยิงตาย… ลูกถูกพร่าออกจากอก… ซื้อขายเป็นว่าเล่น… เอ็นดูเมื่อยังเล็กและน่ารัก… ผลักไสหัวส่งเมื่อโตขึ้นและดุร้าย… กลายเป็นธุรกิจนำเงินมากมาย… หากกลัวบาปโทษ… กฏหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์… สมคบคิดกันแก้ไข… หวังเอาแต่ประโยชน์ตน… จนสัตว์ป่าต้องสูญพันธุ์… ช่างหัวมันเพราะไม่ใช่ตนคนเดียว… นั่งฝันว่าได้ทำบุญ… หรือบาปช่างสมมุติเสกสรร… ปั้นแต่งตั้งตัวว่าประเสริฐ… มีสิทธิเลิศในปฐพี… จะฆ่าสัตว์… จะมัดขา… จะตีด่า… จะยำแกง… ไม่เคยแสลงความรู้สึก… เมื่ออยากขึ้นมาก็วิ่งเข้าหา… อ้างว่าเพื่อความรัก… (และเอ็นดู)… พอยามเกลียดก็หาคนช่วยสงเคราะห์… (แล้วไปหาลูกสัตว์เล็กๆ ที่น่ารักมาเลี้ยงอีก)… ไล่ส่งไปให้คนอื่นรับ… ปัดความรับผิดชอบ… เหมือนท้องโตแล้วเที่ยวไข่ทิ้ง… เรี่ยราดจนเดือดร้อน… ประชาสงเคราะห์ต้องรับเลี้ยง… สัตว์ป่าก็เช่นกัน… ซื้อหามาจากป่า… โตขึ้นมาก็ยกให้คนอื่น… เจ้าหน้าที่และมูลนิธิฯ ต้องรับไป… ทำไมต้องรับ… รับมาก็เดือดร้อน… เท่ากับส่งเสริมให้ไปซื้อหามาเพิ่มอีก… คนเลี้ยงนั่นแหละต้องรับผิดชอบ… ชีวิต…

อย่าคิดว่ามันเป็นสัตว์ป่า… มันมีความรู้สึก… มันเป็นสัตว์… มันอยากล่าอยากผสมพันธุ์เหมือนกัน… เอามาเลี้ยงในกรงก็ไม่ออกลูก… จะออกได้อย่างไรก็ไม่มีป่าให้อยู่… โตแล้วเอาไปปล่อยก็ไม่ได้… หากินเองไม่ได้… ต่อสู้แย่งถิ่นที่อยู่กับเจ้าของบ้านไม่ได้… ผลสุดท้ายก็ต้องตายก่อนขยายพันธุ์… แล้วอย่างนี้จะเหลือหรือสัตว์ป่า… จะมีแต่พวกที่เขาล่าเอามาใส่กรงเลี้ยงไว้ดูเล่น… ไว้เป็นอาหาร…

คำว่าอนุรักษ์… มีแต่นามธรรมตามสมมุติ… อนุรักษ์นู่น…อนุรักษ์นี่… จะรีอินโทรดัดชั่น… จะผันงบมารักษาป่าและสัตว์… ยิ่งผันยิ่งป่าหมด… สัตว์ป่าก็สูญพันธุ์… ร่ำรวยไปตามๆ กัน… ช่างมันพวกต่างรุ่นลูกต่างรุ่นหลาน… ตะบี้ตะบันใชัมันให้หมด… อนุรักษ์จนน้ำลายไหล… แล้วชาติไทยจะรอดหรือ…

 


พิมพ์ครั้งแรก หนังสือประกอบการสัมมนาสิ่งแวดล้อม ปี 2533