8
ขบวนคนบ้ายืนตรงร้องเพลงชาติ

เช้าวันที่สองของการเดินทางไกล ผู้ร่วมเดินทางค่อยๆ ทยอยตื่นขึ้น พวกเราตั้งขบวนขึ้นรถฝ่าความมืดย้อนกลับบนเส้นทางเมื่อวานไปถึงจุดหมายที่สะพานดงยาง ผมเช็คจากภาพถ่ายหลังจากเดินพบว่าขบวนเริ่มต้นของเราอยู่ที่หลักกิโลเมตร 52 บนถนนจากแม่วงก์สู่ลาดยาว กับผู้คนราวๆ สิบคน มีบางส่วนอยู่ที่วัดวังซ่าน โดยเฉพาะวงที่มีการประชุมนอกรอบกันดึกๆ

เช้ามืดวันนั้นแสงเงินแสงทองส่องมาจากขอบฟ้าที่ไกลตา อากาศคล้ายฝนจะตก ฟ้าสีครามเข้มก่อนสว่างปรากฏขึ้นรอบตัวเรา แล้วเราเริ่มออกเดินทางวันที่สองกันที่นี่ มีเป้าหมายที่จะเดินย้อนไปกินข้าวเช้าที่วัดวังซ่านสมทบกับผู้คนที่เหลือ

ออกเดินได้ครู่ใหญ่ ‘ตู่ ตะวันฉาย’ เจ้าหน้าที่ภาคสนามผู้รับผิดชอบพื้นที่ป่าตะวันตกในเหตุการณ์นี้ก็นั่งรถมาสมทบ ผมไม่รู้ว่าผู้จัดการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร หรือ ‘บอย’ แอบมาร่วมขบวนตั้งแต่เมื่อไหร่ คงมาถึงตอนเช้าและจะร่วมเดินในเช้ามืดนี้ด้วย

จุดแวะพักจุดแรกของเรา เป็นการนั่งพักขากันอยู่บนทางเท้าข้างถนน แสงแรกของวันฉายไปยังทุ่งนาอุดมสมบูรณ์ของตำบลวังซ่าน ผมสังเกตมาตั้งแต่เมื่อวาน ว่าการมีทีมคนหนุ่มอย่างเจ้าโร๊ะ ทศ และป้อง เข้ามาชวนพูดชวนคุยทำความรู้จักคนโน้นคนนี้ ทำให้มีชีวิตชีวา ทักทายโอพาปราศรัยกับคณะไปทั่ว แม้แต่ลุงชาวนาที่บังเอิญมาทำนาใกล้จุดที่เราพัก และเราก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าบางปีลุงแกทำนาสามครั้ง น้ำท่าแถวนี้อุดมสมบูรณ์ไม่ขาดน้ำ และก็ไม่มีปัญหาน้ำท่วมหนักหนาอะไร ผมบอกทีมงานหลังจากรับฟังข้อมูลว่า พื้นที่นี้เป็นจุดเริ่มต้น ของพื้นที่ของโครงการชลประทานของเขื่อนแม่วงก์ 

เช้าวันนี้ฝนตกๆ หยุดๆ อยู่หลายรอบขบวนคนบ้าเดินไปกรุงเทพฯนำเสื้อฝนที่เตรียมมาใส่กันหลากสีสัน ความเย็นของสายฝนทำให้การเดินเย็นสบาย เราใช้เวลาสองชั่วโมงในการเก็บระยะที่คั่งค้างจากเมื่อวานให้ผมก่อนเรามาถึงกลางชุมชนบ้านวังซ่านซึ้งเป็นเมืองเล็กๆ เมื่อเวลาแปดโมงเช้า คนในตลาดวังซ่านก็ได้เห็นขบวนเด็กโข่งใส่เสื้อฝนหลากสี ยืนเข้าแถวตัวตรงร้องเพลงชาติกันเสียงดัง

แม้คงมีคนสงสัย แต่ไม่มีใครมีคำถามอะไรกับขบวนคนบ้ายืนตรงร้องเพลงชาติที่นี่

สองชั่วโมงที่ผ่านมาขาของผมยังมีอาการเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ปัญหาหนักอกหนักใจอะไร และเมื่อมาถึงวัดวังซ่านที่พักเมื่อคืนของเรา ทีมงานก็ตระเตรียมอาหารเช้าไว้พร้อมอยู่แล้ว คณะของน้ำจันทร์ที่มาสมทบเมื่อคืนพึ่งเตรียมตัวเสร็จ แนะนำตัวกับคณะและพร้อมเดินทาง

การทักทายพูดคุยกับผู้คนเป็นงานถนัดของน้ำจันทร์ที่มาวันนี้ และเจ้าโร๊ะที่ทำงานนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน

ผมรู้ว่าในการเดินสิบสามวันของเราวันนี้น่าจะเป็นวันที่ประสบปัญหามากที่สุดวันหนึ่ง เนื่องจากจุดนี้เป็นต้นไปเราจะเข้าเขตศูนย์กลางของอิทธิพลการเรียกร้องให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ พวกเราจะเดินจากตำบลวังซ่าน อำเภอแม่วงก์ ผ่านตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ อำเภอลาดยาว เข้าสู่เทศบาลอำเภอลาดยาว ที่นับเป็นเมืองหลวงของการเรียกร้องให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ ประเด็นที่ต้องช่วยกันตัดสินใจก็คือ ทีมงานยังไม่มีจุดแวะพักค้างคืนที่ลาดยาวที่แน่นอน เนื่องจากเครือข่ายนักสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่บ้างที่ลาดยาวอยากชวนพวกเราเปิดเวทีให้ข้อมูลกับชาวบ้าน และหลายคนก็ต่างเสนอที่พักต่างๆ นาๆ แต่เรามีทีมงานล่วงหน้าไปสำรวจพื้นที่เพื่อนำมาตัดสิ้นใจกันอีกครั้งหนึ่ง

ฝนที่ตกเมื่อเช้ามืดหายไปหมดแล้ว ฟ้าสีฟ้านาสีเขียว ปรากฏขึ้นอย่างสดใสรอบขบวนพร้อมแสงแดดที่แผดกล้าเราเดินเข้าสู่หมู่บ้าน ระหว่างทางเริ่มมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ มาสืบข่าวพวกเราบางคนก็แสดงตัวว่านายให้มาหาข่าว บางคนก็แสดงตัวว่าเป็นฝ่ายความมั่นคงที่มาดูแลความเรียบร้อย เป็นการทำให้เรารู้ว่าขบวนคนบ้ามีคนจับตาอยู่ พี่กิ้นกับอาจารย์ณรงค์เดินนำขบวนในฐานะเจ้าถิ่นแนะนำตัวและบอกกล่าวเจรจา 

ส่วนผมทำหน้าที่ของตัวเองในการเดินสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก 

ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจระบบการทำงานของทีมงานตัวเองเพิ่มขึ้น ผมมี ‘ตือ’ เจ้าหน้าที่ภาคสนามจากอุ้มผาง ที่ลงมาสมทบตั้งแต่เมื่อเช้าทำหน้าที่นำขบวนไปไกลถึงอำเภอลาดยาว สำรวจบรรยากาศและความเคลื่อนไหวมี ‘นาท’ คุมรถเสบียงหลักระหว่างลาดยาวและขบวนเดิน ‘ตุ๊ก’ ขับรถคาริเบียนของผมขับนำหน้าขบวนไปไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรแล้วหยุดรอ ‘พี่ตู่’ และ ‘พี่กิ้น’ คุมขบวนและตัดสินใจแทน ‘นริศ’ ที่ลาไปธุระ ‘เหล็ก’ ทำหน้าที่สวัสดิการหลัก

วันนี้ผมมีนัดกับผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสที่ช่วยนำเสนอข่าวเรื่องนี้มาตั้งแต่วันก่อนเดินแต่ยังมาไม่ถึง นักข่าวจากชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อมขอไปเก็บข้อมูลที่บ้านแม่เรวา แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่เช้าวันนี้ ยังไม่เห็นรถนักข่าวหรือทีมประชาสัมพันธ์ของมูลนิธิฯ ที่มาวิ่งถ่ายภาพขบวนเรา

ดูเหมือนว่าเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาวนเวียน ทำให้ทีมเฝ้าระวังอย่างพี่กิ้นและตู่ตะวันฉายมีความวิตกกังวลเป็นพิเศษ

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking