5

ไม่มีอะไรดีเกินกว่าที่ จะสร้างโอกาสให้ตัวเองได้เป็นผู้รับฟัง

กำนันโต เป็นอดีตกำนันของ ตำบลวังซ่าน เป็นชายสูงอายุมาดเข้มตัวใหญ่สไตล์นักเลงโบราณ บ้านอยู่ติดกับอาจารย์ณรงค์ เป็นผู้รับเหมารับจ้างถมดินในแถบลาดยาวแม่วงก์มานมนาน ดูจากอาชีพและภูมิหลัง ย่อมต้องการโครงการใหญ่อย่างเขื่อนแม่วงก์ให้เข้ามาในพื้นที่แน่นอน แม้ว่าบ้านของแกจะอยู่นอกเขตชลประทาน ไม่ได้รับน้ำท่า หรือบรรเทาน้ำท่วมอะไร

ขบวนของเราเดินฝ่าเปลวแดดผ่านที่ทิ้งซากศาลพระภูมิเก่าที่เราพึ่งผ่านมาเมื่อสี่ชั่วโมงที่แล้วนั้นหมายความว่าพวกเรามีอัตราเร็วเกินกว่าที่กำหนดไว้อยู่มาก

พ้นกิ่วเขาชนกัน สิ่งที่เราไม่คาดคิด คือพวงมาลัยดอกดาวเรืองพวงใหญ่ของแม่ค้าขายพวงมาลัยในละแวกนั้น พร้อมกับถ้อยคำให้กำลังใจและบอกความรู้สึกนึกคิดของเธอว่าพวกเราชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่อยากได้เขื่อนเหมือนกันรู้ว่าป่าจะถูกทำลายอีกมากถ้ามีเขื่อนเกิดขึ้น

ผมผ่านมาแถวนี้หลายครั้ง พึ่งสังเกตว่ามีร้านกาแฟสดมาเปิดกิจการอยู่ใกล้ปั๊มน้ำมัน และที่นี้เองที่แขกของเรา กำนันโตกับเพื่อนรอเลี้ยงกาแฟผมอยู่

ขบวนของเราติดตามไปสังเกตการณ์สองคนหลังจากที่ผมอธิบายแนวคิดของการจัดการน้ำ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนให้อดีตกำนันมาดเข้มฟัง ระหว่างรอกาแฟร้อน ดูว่าท่านกำนันมาดเข้มก็อดทนฟังความคิดที่แตกต่างอยู่ได้พอควร ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมควรจะทำในสถานการณ์นี้ไม่ใช่การพูดเกลี้ยกล่อมให้แกนนำคนเอาเขื่อนมาเห็นคล้อยตามกับคนเอาป่าอย่างพวกเรา 

สถานการณ์เยี่ยงนี้ไม่มีอะไรดีเกินกว่าที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเองได้เป็นผู้รับฟัง

เป็นเวลาชั่วโมงหนึ่งที่ผมได้จิบกาแฟร้อนถ้วยเล็กที่รสชาติเข็มข้นน้อยกว่าบทสนทนา และบรรยากาศที่ข้นเข็มกว่า แน่นอนว่าเพลงยุทธ์กระบวนหลักที่ผมใช้คือ ‘การฟัง’

ผมจากกับกำนันโตและเพื่อนมาด้วยดีโดยแจ้งเป้าหมายการเดินทาง และเส้นทางที่จะใช้ให้ท่านทราบ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีการขออนุญาตนายด่านท่านนี้ผ่านไปอย่างสันติ 

และแล้วผมก็ออกจากร้านกาแฟออกมาพบนริศและทีมงานคนอื่นกับสายตาลุ้นระทึกของพวกเขา แต่ผมรู้ว่าพวกเราคงรู้มือกันอย่างดีจากการทำงานร่วมกันมา ว่าเรื่องแค่นี้อาจารย์ศศินคงยังไม่พลาด 

แล้วพวกเราก็วิ่งข้ามถนนผ่านสี่แยกเขาชนกันเพื่อเดินสู่เป้าหมายที่พักที่บ้านวังชุมพร 

วิ่งข้ามถนนพ้นสี่แยกผมรู้สึกตัวเองว่า ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงในร้านกาแฟสดช่างยาวนานและใช้พลังงานมากกว่าการเดินเท้าในระยะทางยี่สิบกิโลเมตรในเวลาสี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเสียอีก ผมไม่รู้ว่าในสามร้อยกิโลเมตร ข้างหน้าเราจะเจออะไรต่อไป แต่บททดสอบแรกนี้ นับว่าพวกเราผ่านมาได้ด้วยคะแนนที่ไม่เลวร้ายนัก

ระหว่างที่ผมรู้สึกพร่าเลือนจากหยดเหงื่อที่ไหลเข้าตาเสียงทักทายที่เคยคุ้น ก็ดังทักทายขบวนอยู่เบื้องหน้าทีมงานของเราปรบมือเห่รับหนุ่มใหญ่ผอมสูงใส่แว่นตาดำ และเสื้อยืดแขนยาวสีขาว 

‘พี่กิ้น’ นักอนุรักษ์แห่งจังหวัดนครสวรรค์ ไม่มีทางที่จะทิ้งพวกเราให้เดินไปตามลำพัง

พี่กิ้น เดินไปคุยไปทักทายคนโน้นคนนี้อย่างร่าเริงแจ่มใสตามสไตล์ของแก พรางถามกำหนดการ เดินทางต่อไปของวันนี้ เมื่อทราบว่าพวกเราใกล้จะถึงจุดหมายปรายทางของวันในอีกไม่กี่กิโลเมตรข้างหน้า ซึ่งทีมงานเตรียมเส้นทางคำนวณอัตราเร็วระยะเวลาแวะพัก และอุปสรรคปัญหาผิดพลาดไปเกือบครึ่งค่อนวัน ทำให้พวกเราเดินถึงจุดที่ตั้งใจพักค้าง ได้ในระยะเพียงแค่เวลาข้าวกลางวันเท่านั้นเอง 

พี่กิ้นโวยวายด้วยความผิดหวัง เพราะอารมณ์ฟิตจัดอยากเดินต่อ

เมื่อเรามาถึงศาลาประชาคมบ้านวังชุมพร ทีมงานของ ‘เหล็ก’ เจ้าหน้าที่รุ่นใหญ่ของเราอีกคนหนึ่ง ที่รับงานสวัสดิการในการเดินทางครั้งนี้จัดเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว ขณะที่ทุกคนกินอาหารผมต้องทำหน้าที่ให้สัมภาษณ์กับชายสองคนผู้อ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่น หนึ่งในนั้นบอกว่าทำหน้าที่ส่งข่าวให้หนังสือพิมพ์ระดับชาติหัวสีม่วงในกรุงเทพฯ เขามาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพและกล้องวีดีโอตัวเล็ก ส่วนชายอีกคนหนึ่งแสดงตัวว่าพบกับผมหลายครั้งในเวทีการประชุมกันเรื่องเขื่อนแม่วงก์ ผมจำเขาได้ไม่ใช่จากหน้าตาแต่เป็นจากท่าที ที่ถามข้อมูลอย่างคุกคาม วางก้ามใหญ่โต กับแววตาที่ฉายชัดถึงความไม่เป็นมิตร จำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยโทรศัพท์มาถามข้อมูลการคัดค้านเขื่อนและแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นสื่อมวลชนที่ทำงานรับใช้     นักการเมืองใหญ่ในตัวจังหวัดนครสวรรค์

อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าแววตาของนักข่าวคนแรกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ร่วมทั้งยังเผลอแสดงความเห็นด้วยกับเหตุผลข้อมูลที่ผมอธิบายเรื่องการคัดค้านสร้างเขื่อน ต่างกับอีกคนหนึ่งที่มิได้สนใจฟังข้อมูล แต่หลุกหลิกถ่ายภาพทีมงานและโทรศัพท์รายงานใครสักคนอยู่ตลอดเวลา

ผลจากการอดนอนและการเดินทาง ในเช้าวันแรกเริ่มปรากฏให้เห็นบนอาการเจ็บหน้าขาและน่อง เหมือนจะหิวแต่ไม่อยากกิน เหมือนจะง่วงแต่หลับไม่ลง ที่มุมศาลาทีมงานปูเสื่อไว้ให้ผมนอนพักไว้แล้ว ผมหลบไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเงียบๆ ถอดรองเท้าที่เดินมาห้าหกชั่วโมงออก ลงนอนและเหยียดหลังและหลับตา

ผมรู้ตัวดีว่า หน้าที่ของผมในเวลานี้ที่ควรทำที่สุดคือหลับตาพักและชาร์ตไฟให้ตัวเองสิ่งที่ลืมไม่ได้คือ การชาร์ตพลังงานให้เครื่องมือสื่อสารประจำตัว เพราะนี้คืออาวุธประจำกายที่เราเลือกหยิบมาใช้ในงานการต่อสู้ครั้งนี้

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking