31
ร้องไห้กลางสายฝน

เราฝ่าฝนออกจากวิทยาลัยเกษตรหันตรา มีอาจารย์หน่อง ปณิธาน มายืนส่ง เรานั่งรถเป็นขบวนไปถึงจุดที่เราหยุดเมื่อวานแถวบ้านหว้าบางปะอิน แผนของเราวันนี้ เราจะเดินเข้าเมืองใหญ่ผ่านปทุมธานีไปนอนแถวนวนคร 

ฝนตกไม่หยุดมาตั้งแต่เช้า ทีมงานคิดไม่ผิดที่ประกาศขอบริจาคเสื้อกันฝนใว้ตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งก็มีคนนำมาให้นับร้อยๆ ตัว สีสันของเสื้อกันฝนนับเป็นภาพประทับใจภาพสำคัญของการเดินทางของเราในครั้งนี้

อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น กวีขบถโรแมนซ์เมืองล้านนาส่งกำลังใจมาทางแท็กเฟซบุ๊กพร้อมๆ กับข่าวที่พี่อ้วนนิคม พุทรา นักอนุรักษ์แห่งดอยเชียงดาวเริ่มเดินขบวนคู่ขนานจากเชียงดาวลงมาเชียงใหม่เพื่อเป็นกำลังใจร่วมกัน มันช่างทำให้เช้านี้ของผมมีพลังใจอัดแน่นเสียจริงๆ

แค่จุดแวะพักแรกของขบวนก็มีเซอร์ไพรส์แล้ว เพราะทีมงานร้านกาแฟดริปที่หอศิลป์กรุงเทพฯ ยกร้านมาตั้งบริการกาแฟสดดริปหอมกรุ่นไปทั่ว กลิ่นกาแฟและสายฝนพรำนี่มันช่างเข้ากัน แกล้มด้วยสรรพเสียงแย่งกันทักทายพูดคุยด้วยมิตรภาพของผู้คนจากต่างที่ต่างทางที่มาเดินใส่เสื้อกันฝนตากฝนผ่านถนนสายเอเซียด้วยกัน 

ขบวนของเรามีคนมาเติมมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับข้าวของเสบียงมามอบ เมื่อผ่านสถาบันการศึกษาก็มีคณะนักศึกษาเตรียมแผ่นป้ายรณรงค์และจัดกิจกรรมต้อนรับ 

ใครจะคิดว่าเมื่อสิบวันที่แล้ว พวกเราจะได้เห็นภาพเช่นนี้

วันนี้กับพรุ่งนี้ เป็นสองวันสุดท้ายที่พิสูจน์ร่างกายและจิตใจในระยะทางยาวราวๆ สามสิบกิโลเมตร ที่เราต้องเดินให้ถึง 

ก่อนจะสุดเขตอำเภอบางปะอินฝนซาเม็ด แต่ก็นับว่ายังตกพอสมควร พวกเราเดินตากฝนกันมาเรื่อยๆ บางช่วงหนัก บางช่วงเบา 

ที่สะพานลอยข้ามถนนมีคนวิ่งลงมาหลังจากถ่ายรูปเสร็จ เราวิ่งตรงเข้ากอดกัน 

พี่อ้วนกับพี่นิดเป็นเจ้าหน้าที่รุ่นก่อตั้งมูลนิธิสืบนาคะเสถียรเป็นมือทำงานที่สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับพวกเรา คราวนี้ผมยอมรับว่าเสียน้ำตาจริงๆ อยู่กลางสายฝนด้วยความตื้นตันใจที่อย่างน้อยคนที่เคยทำงานให้พี่สืบ ก็ไม่ทิ้งกัน ผมเดินตากฝนร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความตื้นตันใจ

ผมนึกถึงเพลง Crying in the Rain ที่มีความหมายว่าลูกผู้ชายต้อง ไม่ร้องไห้ ถ้าจะร้องไห้ให้ร้องกลางสายฝนถึงจะไม่มีคนเห็นให้อับอาย 

ผมก็เดินยิ้มร้องไห้กลางสายฝนโดยไม่อายเช่นกัน แต่เป็นยิ้มเพื่อความหวังใกล้บรรลุชัย ตามเพลงคาราวานที่ผมชอบ

พี่อ้วนและพี่นิด ทั้งสองคนเข้าไปเดินประกบอาจารย์รตยาเจ้านายเก่าเป็นภาพและความรู้สึกที่เคยคุ้นของพวกเขาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ที่เคยดูแลอาจารย์กันมาอย่างใกล้ชิด

ผมแอบเบาใจเพราะด่านทดสอบขั้นต่อไปคือ การเดินข้ามสะพานต่างระดับบางปะอินที่ใหญ่โตต้องตัดเลนข้ามถนนที่สลับซับซ้อนท่ามกลางฝนตก คนนำทางของเรามั่นใจเดินลิ่วนำขึ้นไป คนในขบวนทุกคนรู้ถึงความยากลำบากครั้งนี้ ไม่มีใครพูดอะไรมากนัก ต่างสาวเท้าขึ้นสะพานต่างระดับด้วยความมั่นใจในทีมงานที่ฝ่าแดดฝนกันมาหลายวัน

ฝนซาเม็ดลงบ้าง ขณะที่อาจารย์รตยาถูกประกบข้างเดินด้วยลูกสาวที่เป็นนักธุรกิจหัวใจสีเขียวชื่อพี่โต้ง รติยา พี่นิด พี่อ้วน บัว และกิฟต์ ทำให้หลายครั้งผมพอมีจังหวะถ่ายรูปไว้บ้าง แต่ก็เป็นภาพพร่าเลือนด้วยไอฝน

การเดินทางข้ามสะพานข้ามแยกต่างระดับบางปะอินเสมือนภาพความฝันที่ขบวนของเราฝ่าฟันอุปสรรคปัญหา ผ่านความไกล ผ่านความกลัว บนเส้นทางที่มีแต่พลังของเพื่อนมิตรที่ช่วยเหลือกัน 

รถบรรทุกใหญ่คันแล้วคันเล่าวิ่งผ่านเราไป ทีมสตาฟมีเสื้อสะท้อนแสงที่เตรียมมาพร้อมกระบองสีสดไว้โบกกันขบวนอย่างเข้มแข็งเป็นระเบียบพานักรบอนุรักษ์ในเสื้อฝนสีสันสดใสเคลื่อนที่ขึ้นสะพานผ่านจุดสูงสุด และเดินลงมายังแนวเขตรอยต่อของอยุธยาและปทุมธานีที่มีภาพการใช้ที่ดินเปลี่ยนแปลงจากทุ่งนาเขียวเป็น ‘เมือง’ อย่างชัดเจน

เราแวะพักที่ปั๊มปตท.แรกที่อยู่ทางลงสะพานต่างระดับพอดี และที่นั่นมีเสียงจ๊อกแจ๊กมากมายของผู้คนมากหน้าหลายตาที่เสมือนมา ‘รอ’ พวกเราอยู่พักใหญ่แล้ว

พี่บรรจง นะแส นายกสมาคมอนุรักษ์ทะเลไทยมาต้อนรับอาจารย์รตยา ด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง หัวเราะเสียงดัง มังกรใหญ่ผู้ปกป้องทะเลไทยในตำนานก็มาส่งพลังเช่นกัน พี่บรรจงมาพร้อมกับพี่เจี๊ยบชาญวิทย์ อร่ามฤทธิ์ นักจัดรายการวิทยุสายประชาชนคนดัง ทั้งคู่สนิทสนมกับผมและอาจารย์รตยามาก ในฐานะที่พวกเราทำหน้าที่เป็นคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนร่วมกันมาถึงเจ็ดปีก่อนหน้านี้

ท่ามกลางผู้คนมากมาย ผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆ แต่ไม่รู้จัก เธอแนะนำตัวว่าได้ติดตามและคุยกับผมทางเฟซบุ๊กอยู่หลายวันชื่อ Kan Garbologist เธอนั่งเครื่องบินจากภูเก็ตเพื่อมาร่วมเดิน หลังจากตามข่าวมาเป็นระยะๆ แต่ทนไม่ไหวจริงๆ จึงขอมาอยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนด้วยอีกแรง

หญิงสาวหน้าคมผิวเข้มคนหนึ่งมาแนะนำตัวว่าชื่อน้องจิ๊บ เป็นน้องพี่จุ๊บ เพื่อนสนิทสมัยชั้นประถมของผม ที่เราไม่เคยพบกันมานับสิบปี บอกว่าพี่จุ๊บส่งเธอมาให้กำลังใจ

หญิงสาวหน้าคุ้นอีกคน เดินมาบอกว่าชื่อโอ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมแต่คนละโรงเรียน เธอรู้จักผมและพอรู้ว่าเดินผ่านบ้านเธอที่บางปะอินก็มาดักรอ และแจ้งว่าจะมาเดินด้วยในวันพรุ่งนี้

และก่อนออกจากเขตอยุธยา ป้ายไวนิลสีสดของกองทัพประชาชนคนดีศรีอยุธยาก็กางออกถ่ายรูปส่งพลังใจเพื่อเดินต่อไป

มีคนมากมายมาบริจาคเงิน สิ่งของ เสื้อกันฝน และเสบียงอาหาร งานของผมคือการรับของและถ่ายรูป ทีมสตาฟส่งคุณเหล็ก เจ้าหน้าที่มูลนิธิรุ่นใหญ่ถือโทรโข่งอธิบายกำหนดการเดิน และข้อตกลงการเดินร่วมกัน รวมถึงเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่างๆ ให้ผู้คนจำนวนมากนี้ฟัง

ก่อนออกเดินต่อ พี่โชคจากเขาแผงม้าที่มาเดินเป็นเพื่อนเราหลายวันก็ลากลับ บอกว่าแกมาทำหน้าที่ของแกคือ เดินส่งเราเข้า ‘เมือง’ สำเร็จแล้ว

เราเดินทางต่อจนเข้าอำเภอคลองหลวง พี่สุนี ไชยรส อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่เคยทำงานร่วมกับผมมามากมายมารอต้อนรับพร้อมกับพี่น้องสหพันธ์แรงงาน 

มีขบวนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฎวไลอลงกรณ์เขียนป้ายมาต้อนรับเมื่อผ่านหน้าสถานศึกษาของเขา

กลุ่มไทยฟลัดที่เราคุ้นเคยกันทางโซเชียลมีเดียสมัยน้ำท่วมปี 2554 เอารองเท้าวิ่งพื้นนุ่มราคาแพงคู่ใหม่เอี่ยมมาให้ผมเปลี่ยนรองเท้าเพื่อให้เดินสบายขึ้น 

ดร.มาโนช ศรีนางแย้ม อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อนเก่าสมัยมัธยมปลายและคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ชวนนายช่างหฤทัย เพื่อนม.ปลายของผมอีกคนมาดักรอ ใกล้ๆ กันนั้นน้องนักศึกษาน่าจะจากธรรมศาสตร์ รังสิต ก็ชูป้ายกระดาษหลายแผ่นเขียนข้อความสนับสนุนและประท้วงการตัดสินใจของรัฐบาลมาร่วมแจม

ระหว่างทางก่อนที่เราจะถึงที่พัก สำนักงานย่อยของกองทุนสัตว์ป่าโลกที่พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ คลองหลวง ปทุมธานี ประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆ มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแว๊นผ่านและตะโกน ขอให้ชนะ! ขอให้ชนะ! ก่อนที่จะเข้าประตูพิพิธภัณฑ์ 

คุณเพชร มโนปวิตร อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการคนแรกของมูลนิธิสืบนาคะเสถียรเมื่อยี่สิบปีก่อน ปัจจุบันทำงานกองทุนสัตว์ป่าโลกเป็นคนนำทีมมาต้อนรับ

เรามาถึงค่อนข้างเร็ว และทีมสตาฟของเรามีผิดจังหวะการประสานงานกันในการรับผิดชอบสื่อสารอธิบายกับผู้คนมากมายที่เราไม่รู้ว่าใครจะมานอนค้างด้วยหรือใครจะกลับก็มีขลุกขลักนิดหน่อย ก่อนที่เหล็ก นริศ และบัวจะช่วยกันจัดแจงที่พักและกำหนดการให้ลงตัว เพราะเรามีเวทีวิชาการสำคัญคืนนี้ที่สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย โดย รศ.ดร.สุวัฒนา จิตลดากร และทีมนักวิชาการเรื่องน้ำจะมาชำแหละความผิดพลาดของการศึกษา EHIA กัน

หลังอาหารเย็น แท็กเฟซบุ๊กที่เป็นอีกหนึ่งกำลังใจใหญ่มาจากลูกศิษย์ชมรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ผมเคยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา พวกเขาเรียกตัวเองว่า ‘กลุ่มสายหมอกเสรี’ มาจากคุณอ้อย สายหมอกเสรี อภัยภักดี 

“มาเรามา พวกเรารวมตัวกัน เป็นพลังร่วมสร้างสรรค์เมืองไทย cr.สายหมอกเสรี พรุ่งนี้สายหมอกเสรี จะรวมตัวเป็นสายหมอกกลุ่มใหญ่ รออาจารย์อยู่หน้า ม.รังสิต สายหมอกเสรีจะร่วมต่อสู้เคียงข้างอาจารย์ค่ะ”

เราผ่านคืนนั้นอย่างอบอุ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องปากะญอจากแม่แจ่ม ที่จะโดนสร้างเขื่อนเหมือนกัน พวกเขาเดินทางมาสมทบมาเยี่ยมเยียนเพื่อร่วมสู้จากเชียงใหม่เลย

คุณหมออ้น พรระวี จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อนสมัยอยุธยาอีกคนก็มาเยี่ยม ซื้อเสื้อ และจะร่วมเดินพรุ่งนี้ 

ระหว่างเตรียมจะเข้านอนผมแอบปลื้มใจมากๆ ที่มีแท็กเฟซบุ๊กมาจากคุณ Suchart Phothipan แต่งกลอนมาว่า “เกิดจากอยุธยา… กรุงศรี ความรู้ ป.4 ก็หาไม่ เรียนจบระดับสูงมหาวิทยาลัย อาชีพก้าวไกลด้วยใฝ่ดี เงินเดือนหลายแสนใช่เรื่องยาก ไม่ต้องลำบากเยี่ยงนี้ ชีวิตอยู่ได้อย่างเปรมปรีดิ์ นั่งนับยอดเงินในบัญชีที่เพิ่มพูน แต่ชีวิตมีอะไรกว่านั้นมาก ทางเลือกรู้ลำบาก… อาจดับสูญ แต่เลือกแล้วจะป้องป่าเพื่อค้ำจุน เพื่อเกื้อหนุนให้สัตว์ป่าได้หากิน ที่ทำมาใช่แค่นี้ แต่มีมาก ที่ผ่านมาทั้งลำบาก ทั้งโหดหิน ก็อยากบอกในนามเพื่อนร่วมแผ่นดิน ว่าขอบคุณครับ…ศศิน…ขอบคุณ” เขินครับ แหะๆ

และยิ่งกว่านั้นคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ ม.2 ชื่อน้องพลอย จากจังหวัดสมุทรปราการ มาถ่ายรูปกับผมตอนสี่ทุ่ม คงเห็นว่าผมเพิ่งจะว่าง เธอให้พ่อพามาและจะร่วมเดินหลังจากติดตามข่าวสาร

ก่อนนอน คุณโอ เพื่อนของผมที่มาร่วมเดินและพบกับเพื่อนใหม่โพสต์เฟซบุ๊กถึงเพื่อนใหม่ร่วมขบวนเดินอย่างมีความหมายว่า 

“ชมพู่นั่งรถเมล์มาร่วมเดิน ขากลับบ้านเราอยู่ใกล้คอนโดที่ดอนเมือง เลยได้กลับมาด้วยกัน ชมพู่เป็นเพื่อน FB กับอ.ศศินตั้งแต่ช่วงกรุงเทพฯ น้ำท่วมใหญ่เหมือนเรา ชมพู่มีลูกชื่อภูเขา (น่ารักที่สุด) เราแลกเปลี่ยนคำถามพื้นๆ กับผู้ร่วมเดินทุกท่านเช่นมาจากไหน ทำอะไร ทำไมถึงมา ชอบที่สุดชมพู่บอกเป็นแม่ค้า ฉันภูมิใจที่สุดได้พบเธอ ได้รู้จักเธอ ได้เป็นเพื่อนเธอ 

“นี่คือความหลากหลายที่ฉันอยากเห็นในสังคมไทย ปัญหาบ้านเมือง สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของส่วนรวม ของทุกคน ของทุกวงการ ทุกวิชาชีพควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบ มีสิทธิในการคัดค้านหากเห็นว่ารัฐบาลทำไม่ถูกต้อง 

“คุณทำเพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและขั้นตอน ไม่มีใครอยากออกมาทำเรื่องหรอกคะ”

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking