26
ขอบคุณการเดินของศศินที่ทำให้คนดีๆ มาพบกัน

บ่ายวันที่สองบนสายเอเชียเราเดินผ่านจังหวัดสิงห์บุรี ผมเดินเล่นเฟซบุ๊กสบายๆ อย่างเป็นอัตโนมัติทีเดียว

วันนี้ไม่มีฝน ส่วนใหญ่ผมใช้หมวก ถอดมาครอบบังแดดโทรศัพท์ไว้ ถอดแว่นสายตาสั้นที่เปื้อนเหงื่อ เพ่งตัวหนังสือกดไลค์ และตอบคอมเมนต์ตลอดทาง สลับกับการรับโทรศัพท์ประสานงานกับสื่อมวลชน ที่มักจะโทรติดต่อตรงๆ มาที่ผม 

นับว่าโชคดีที่ผมประกาศเบอร์โทรศัพท์ของบัวไปทางเฟซบุ๊กให้ผู้ที่จะมาร่วมเดินบริจาคเงินทองของใช้เป็นภาระใหญ่ที่โยนไปให้บัวหมด

ส่วนปัญหาใหม่ของพวกเราคือ คนที่ขับรถมาเยี่ยมเยียนมอบของ จะขับรถมาแทรกที่ขบวนก็จอดข้างทาง หรือรอดักอยู่จนทำให้รถเสบียงที่นำขบวนต้องเบี่ยงหลบ ขบวนเดินก็เบี่ยงหลบออกไปยังเลนถนนตามไปด้วย หวาดเสียวว่าหากเป็นอย่างนี้บ่อยๆ อาจจะเกิดอุบัติเหตุ

นริศวิ่งขึ้นวิ่งลงหัวขบวนท้ายขบวนโบกธงโบกรถหลายรอบหอบแฮก ก่อนที่ภายหลังได้เจ้ากานต์มาคุมขบวนกลางอีกทีหนึ่ง

ผมนัดหมายโปรแกรมกับผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสที่จะมาทำข่าวให้เราทุกวันในช่วงนี้ โดยสื่อสารถึงประเด็นปัญหาการจัดการน้ำ ที่เกี่ยวข้องกับมหาอุทกภัยในปี 2554 โยงมาหาเหตุผลในการจะต้องสร้างเขื่อนในแผนการจัดการน้ำสามจุดห้าแสนล้านของรัฐบาล และอธิบายโยงให้เห็นทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถทำได้

จากกิจกรรมต่างๆ ที่ว่ามา ภารกิจส่วนตัวผมชุลมุนวุ่นวายจนลืมความเหน็ดเหนื่อย แม้จะมีบอมและกิ๊ฟต์คอยช่วยแบ่งเบาการถ่ายภาพผู้บริจาคและโพสต์ขอบคุณในเฟซบุ๊ก แต่การเดินไปพูดไป อ่านเฟซบุ๊กไปก็เริ่มไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนเมื่อช่วงที่ผ่านมา

อาการที่ขาของผมเริ่มรู้สึกเจ็บเข่า ซึ่งเดาว่าน่าจะมาจากการเดินบ้างวิ่งบ้าง รับของแล้ววิ่งตามให้ทันขบวน บางทีสื่อมวลชนที่มาถ่ายภาพก็ขอร้องให้ไปเดินที่หน้าขบวน การเดินบนถนนสายเอเชียพร้อมกิจกรรมต่างๆ มีความเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากไปคนละแบบกับช่วงเดินทางสี่ห้าวันแรก 

แต่ที่แน่ๆ คือไม่สนุก และเจ็บตึงน่องไปหมด

ในที่สุดพวกเราก็มาหยุดแวะพักทานอาหารกลางวันที่วิทยาลัยอาชีวอินทร์บุรี วันนี้เป็นวันหยุดจึงเงียบสงบ มีผู้สื่อข่าวจากเนชั่นทีวีมาทำสกู๊ปยาวเหยียด

ข่าวว่าอาทิตย์นี้ผมขึ้นปกเนชั่นสุดสัปดาห์ในชุดเสื้อยืด STOP EHIA แต่ยังไม่เห็น

หลังจากกินข้าว ผู้ร่วมทางต่างแยกย้ายไปนอนพักเหยียดขายกขาพาดเสากันเรียงราย แต่ผมไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นเพราะต้องเรียงร้อยเหตุผลในกิจกรรมการเดินครั้งนี้ ตอบคำถามยาวๆ ยากๆ เกือบชั่วโมงหนึ่งจนกระทั่งใกล้เวลาออกเดินตอนบ่าย 

เที่ยงนี้เอง ‘พี่ต๋อย’ เผ่าคนที มิตรสหายอีกคนหนึ่งของผมก็ขับรถตามมาสมทบ เอารถปิคอัพคันใหญ่ไปฝากสตาฟเราไว้เพื่อใช้เป็นรถขนเสบียงหรือภารกิจอะไรก็ตามใจ ตัวแกขอเดินเป็นเพื่อนผมไปถึงกรุงเทพฯ

ก่อนออกเดินวันนั้น ขบวนของชาวบ้านแก่งเสือเต้นก็มาร่วมเดินสมทบพร้อมผักสดผลไม้ครึ่งคันรถปิกอัพ พวกเขาแวะเยี่ยมและขอร่วมเดินครึ่งวัน

หลังจากพักกับเราวันนี้ พวกเขาก็จะไปปฏิบัติภารกิจเข้าไปยื่นหนังสือคัดค้านการสร้างเขื่อนกับคณะกรรมธิการอะไรสักคณะหนึ่ง

และก่อนที่เราจะออกเดินทาง ผมก็ได้พบกับพี่แดง หรือ ส.ว.เตือนใจ ดีเทศน์ ส.ว.นักสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ผู้รู้จักมักคุ้นมากับผมมานมนาน พี่แดง เตือนใจ มาพร้อมกับคุณธวัชชัยเจ้าหน้าที่องค์การอนุรักษ์ IUCN 

เป็นอันว่าในขบวนของเราในบ่ายวันนี้รวมคนในวงการอนุรักษ์ของชาติรุ่นใหญ่ไว้มากมาย ระหว่างเดินกลางแดดบ่ายนั้นพี่โชคดีบอกกับผมว่า 

“ขอบคุณการเดินของศศินที่ทำให้คนดีๆ มาพบกัน”

นั่นก็จริง เพราะคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ต่างทำงานในพื้นที่ของตัวเองมีประเด็นเคลื่อนไหวเฉพาะชุลมุลวุ่นวายกันอยู่เสมอๆ โอกาสมาเจอกันแบบนี้ มีน้อยนัก

นานเท่าไรแล้วล่ะที่คนทำงานสิ่งแวดล้อมมิได้มาร่วมเดินบนทางเท้าเดียวกันเช่นนี้

บ่ายวันนั้นอากาศร้อน แต่น้องปาล์มลูกแม่อ๊อดก็ชั่งเก่งกาจ และเข้มแข็งเกินเด็ก พี่อ๊อดเลี้ยงลูกสาวได้อย่างมหัศจรรย์ เด็กหญิงตัวเล็กเธอมาสร้างสีสันให้กับขบวน เดินไปคุยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ยามพักประจำชั่วโมงก็เดินเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟขนมเป็นที่น่าเอ็นดูของใครต่อใคร ทำให้อากาศร้อนจัดก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้ จากจิตใจที่ผ่อนคลาย ร่าเริง ไปตามน้องปาล์ม

ในเจ็ดวันที่ผ่านมา ฟ้าดินเหมือนรับรู้กับการเดินเท้าของเรา และส่งความช่วยเหลือที่คาดไม่ถึง สวยงาม และเหมือนบันดาลให้อุปสรรคปัญหาต่างๆ คลี่คลายหายไปเสมอมา

คิดได้อย่างนั้นแล้วผมองไปยังแดดระยับเบื้องหน้า พลางคิดในใจว่านี่คงเป็นงานในหน้าที่ที่ “ผมทำงานงานให้พี่สืบ” ดังนั้นแม้เจ็บขาเจ็บเข่า เท้าพอง พูดมาก เมื่อฟ้าดินส่งของดีมาช่วยเรื่อยๆ แบบนี้ ผมก็จะไม่ยอมย่อท้อให้เสียของเหมือนกัน เพราะอีกแค่เจ็ดวันมันจะสักเท่าไรเชียว 

โน้ต วัชรบูล ดาราหนุ่มรูปหล่อ นั่งรถมาร่วมเดินด้วยตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยกับผู้คนโดยไม่ถือเนื้อถือตัว บอกว่าจะมาอีกเรื่อยๆ อีกเป็นระยะๆ ตลอดการเดินทาง 

พวกเราเปลี่ยนแผนที่จะไปให้ถึงพรหมบุรีเพราะขบวนใหญ่ไปได้ช้ากว่าที่คิด 

ทีมงานได้รับแจ้งว่ามีอาจารย์ชื่อ ‘ประมาณ’ แห่งโรงเรียนสิงหพาหุในเมืองสิงห์ชักชวนให้เราไปพัก พวกเราเปลี่ยนใจที่จะเดินต่อไปพรหมบุรีในตอนค่ำคืน นั่งรถไปนอนในเมืองสิงห์บุรี

ในโรงอาหารโรงเรียนพวกเราแยกกางเต็นท์ ผูกเปล เสร็จแล้วก็ถือโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนเสวนากันกับพี่น้องแก่งเสื้อเต้นด้วยความอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking