17
คงเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน

ผมเริ่มรู้สึกเห็นด้วยกับชื่อลำน้ำแม่วงก์ ที่เปลี่ยนชื่อเป็นแควตากแดดหลังจากผ่านเข้าเขตจังหวัดอุทัยธานี เพราะแดดหลังฝนจากตลาดทัพทันไปทางเมืองอุทัยกลับมาแรงจนทำให้เสื้อผ้าเปียกเมื่อเช้าจนแห้งสนิท 

ผู้ประสานงานของเราแจ้งข่าวว่าคืนนี้พี่วิไลวรรณ จะเชิญผู้ร่วมขบวนของเราและนักกิจกรรมประชาสังคมเมืองอุทัยธานีร่วมรับประทานอาหารและเปิดวงเสวนาเรื่องการเดินเท้าของเราที่บ้าน ทำให้ผมต้องลำดับเหตุการณ์การเดินที่ผ่านมาเพียงสี่วันแต่ดูเหมือนมีเรื่องเกิดขึ้นให้จดจำมากมาย

ผมจำได้ว่าบ่ายวันนั้น ขณะที่แดดร้อนกำลังทำงานของมันดังเช่นที่ผ่านมา แต่แล้วจู่ๆ เมฆดำทมึนก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า พายุฝนตกหนักอย่างไม่ปราณีกันเลย พลังฝนรุนแรงขนาดนี้ต้องนับเป็นครั้งแรกที่เราเจอระดับความรุนแรงที่เป็นพายุฝน

ทีมจัดขบวนจัดให้เราเดินแถวเรียงหนึ่งลุยฝ่าฝนโดยไม่พูดไม่จากัน และสถานที่แถวนั้นก็ไม่มีที่หลบฝน 

พวกเราเดินตากฝนอยู่อย่างนั้นนานมาก บรรยากาศต่างกับฝนที่เคยหยุดๆ ตกๆ ที่ผ่านมาสามสี่วัน ผมมีความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดทางเฟซบุ๊กมากมายแต่ไม่สามารถทำได้ สามแม่ลูกที่มาจากไหนไม่รู้ก็ไม่มีทางเลือกอันใด นอกจากใส่เสื้อกันฝนเดินตามขบวนไปเรื่อยอย่างเข้มแข็ง 

ในที่สุดเราก็พบที่หลบฝน โดยเริ่มจากมีชายสูงอายุวิ่งฝ่าฝนเอาขวดเครื่องดื่มสปอนเซอร์มาให้ พลางเราชวนเราไปหลบฝนที่ชานร้านของชำฝั่งตรงข้าม ที่ผมไม่ได้สังเกตเห็นหน้าเขาเพราะว่าม่านฝนหนาหนัก 

ขบวนเดินวิ่งข้ามถนนไปรวมตัวกันอยู่ใต้ชายคา ผมสำรวจคณะเดินทางที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเสื้อกันฝนที่กันน้ำไม่ได้มากนักในภาวะพายุฝนนี้ หลายคนหนาวสั่น แต่น่าประหลาดในความหนาวนั้น ทุกคนน่าจะมีความรู้สึกเดียวกันถึงความอบอุ่นใจในมิตรภาพที่พบเจอบนเส้นทางที่ได้ร่วมฝ่าแดดฝ่าฝนกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน 

บัดนี้หัวใจที่ขนาดใกล้เคียงกันหลายดวงมารวมกันใต้ชายคาแคบๆ ชายคาเดียวของร้านขายของชำริมถนน ดูเหมือนว่าไออุ่นแห่งมิตรภาพแห่งนี้จะปรากฏฉายชัดผ่านแววตาหลังพร่าฝน 

รถเก่งสีบลอนด์ฝ่าฝนเข้ามาจอด แต่มิใช่ลูกค้าของร้านชำ แต่เป็นอาคันตุกะผู้คุ้นเคยของผม เขาเป็นหนุ่มใหญ่หัวฟูใว้หนวดหน้าตาหน้ากลัวที่วิ่งเข้ามาในชายคาพรางยิ้มอวดแววตาใจดีที่เป็นเอกลักษณ์ 

ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่หาญณรงค์ เยาว์เลิศ เอ็นจีโอใหญ่ประธานมูลนิธิบริหารและจัดการน้ำแบบบูรณาการประเทศไทย โคตรคนค้านเขื่อนตัวจริงของเมืองไทยที่นับเป็นลูกพี่ใหญ่ที่นักกิจกรรมรุ่นๆ ผมรักและนับถืออย่างยิ่ง ประสานถามพิกัดตำแหน่งแห่งที่กับใครในทีมงานถึงได้ตามพวกเรามาถูกท่วมกลางพายุฝน 

พี่หาญยกกระดานชนวนยุคสามจีของแกเก็บภาพทำงานทันที โดยแทบยังไม่ต้องทักทายกัน 

กลางพายุฝนนั้นผมบอกไม่ถูกว่า หัวใจมันพองฟูเต็มตื้นขนาดไหนที่เก็บสะสมสิ่งดีงามต่างๆ ที่ติดต่อกันมาเต็มวัน

ไม่เพียงเท่านั้น คนที่เดินออกมาจากรถอีกคนหนึ่งหาใช่อื่นไกล คุณไผ่ เพียรพร ดีเทศ ผู้ประสานงานองค์กรแม่น้ำเพื่อชีวิต ผู้ทำงานรักษาแม่น้ำจากเขื่อนในระดับนาๆ ชาติ ทั้งแม่โขง สาละวิน ก็ติดตามออกมาจากรถ น้องไผ่มาพร้อมกับลูกอ่อนและสามีสื่อมวลชนรุ่นเก๋าที่ชื่อภาสกร จำลองราช ซึ่งในแง่กิจกรรมเคลื่อนไหวเรื่องเขื่อน นับว่าพวกเราขบวนคนบ้าเดินเท้าค้านเขื่อนแม่วงก์ได้รับเกียรติจากสองยอดคนที่เป็นตัวจริงในวงการอย่างพี่หาญ และน้องไผ่ก็นับว่าสุดยอดแล้ว

ฝนเริ่มซาเม็ดเข็ม นาฬิกาเดินเร่งให้พวกเราต้องตัดสินใจเพื่อไปให้ทันกำหนดนัดที่เมืองอุทัยฯ ขบวนหญิงชายในชุดเสื้อกันฝนหลากสีออกเดิน ฝ่าฝนออกไปพร้อมกับนักต่อสู้เขื่อนตัวจริงอย่างหาญณรงค์ เยาว์เลิศในชุดเสื้อกันฝนสีเหลือง

หลังจากหยุดถ่ายรูปแสดงสัญลักษณ์ไม่เอาเขื่อนแม่วงก์ที่สำนักงานชลประทานที่สิบสอง ก่อนเข้าเมืออุทัยธานี ที่ตั้งอยู่เชิงเขาพระชนกจักรี ทีมจัดการก็ตัดสินใจให้เราหยุดการเดินของวันนี้เพียงเท่านี้ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยนัดหมายตามสูตรเดิมๆ ว่า พรุ่งนี้เราจะกลับมาเดินเก็บระยะที่นี่ใหม่ เพื่อขึ้นรถไปให้ถึงที่พักก่อนมืดค่ำ เนื่องจากมีแขกผู้ใหญ่หลายคนมารอพบอยู่ รวมถึงสื่อมวลชนจากกรุงเทพฯ

ผู้คนมากมายรอเราอยู่ที่บ้านพี่วิไลวรรณ พร้อมถาดอาหารบุฟเฟ่ต์ที่น่ากินอย่างยิ่งสำหรับคนที่เหนื่อยและเดินตากฝนมาไกล 

วันนั้นเป็นเย็นวันศุกร์ ที่บ้านพี่วิไลวรรณกลายเป็นแหล่งรวมของเครือข่ายนักกิจกรรมที่คุ้นหน้าคุ้นตามารอรับพวกเราอยู่

พี่ชัชวาล พิศดำขำ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุทัยธานี อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง รุ่นต่อจากสืบ นาคะเสถียร พี่ชัช นับว่าเป็นผู้ริเริ่มโครงการต่างๆ ในการรักษาผืนป่าตะวันตก ที่เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ต้องทำให้เรามาเดินค้านเขื่อนของแม่วงก์วันนี้

‘พี่ชัช’ เป็นข้าราชการที่จะเกษียณอายุในอีกสิบห้าวันจากวันนี้ นำป้ายมาแสดงสนับสนุนในการเดินของพวกเรามาถ่ายรูป นอกจากนี้ผมยังพบกับคนอื่น ๆอีกมากมาย…

ในเวทีเสวนาในค่ำคืนนั้น ผมและพี่กิ้นช่วยกันเล่าประสบการณ์ต่างๆในการเดินสี่วันพร้อมทั้งช่วยกันคิดจินตนาการถึงแผนการที่จะต้องและสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ 

แน่นอนว่าเราเดินมาขนาดนี้นับว่าได้หนึ่งในสามของเส้นทาง มีผลตอบรับที่ดีมากมาย พวกเราย่อมมีสิทธิคาดเดาถึงภาพที่สาธารณชนรับรู้ และมาร่วมกันแสดงออกถึงการในการเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อมครั้งนี้ 

แต่ในช่วงการเสวนาในการประเมินในการเป็นไปได้ พี่ประกอบ อินชูพงษ์ ผู้อาวุโสในวงการสิ่งแวดล้อมแห่งพยุหะคีรีกล่าวเตือนสติให้เรากลับมามองความเป็นจริง ว่าสิ่งที่ศศินจินตนาการว่าจะมีคนเป็นพันคนมาร่วมชุมนุมกันในอีกสิบวันข้างหน้าที่กรุงเทพฯ เมื่อดูจากสถาณการณ์บ้านเมืองและความสนใจรับรู้ข่าวสารของสาธารณชนโดยเฉพาะคนเมืองกรุงที่มีแต่ เรื่องไกลตัวอย่างเขื่อนแม่วงก์ อยากให้เผื่อใจไว้ด้วยว่า 

ภาพที่คิดนั้นอาจเป็นแค่เรื่อง ‘เพ้อฝัน’ แค่นั้นเอง 

นั่นคือคำพูดที่ก้องอยู่ในหูก่อนหลับไปในคืนนั้น

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking