0

ป่าเปิด

กลางดึกของค่ำคืนวันที่ 10 กันยายน ฝนตกตามอากาศที่อ้าวมาแต่ช่วงค่ำ ผมดูนาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีสองกว่าๆ เท่ากับผมได้นอนงีบไปราวชั่วโมง กว่าๆ เสียงเอะอะ อยู่รอบเต็นท์นอนผมสื่อสารกันว่าให้เปลี่ยนที่ผูกเปลกลางแจ้งให้เข้าร่มหลบฝน

แต่เสียดายที่ลานบ้านครูประวิทย์ เชิงเขาแม่กระทู้ วันนั้นไม่มีที่ร่มเพียงพอสำหรับคนเกือบยี่สิบคนที่จะหาที่ผูกเปลได้ ซึ่งน่าจะรวมเต็นท์นอนของผมด้วย

ผมลุกจากเต็นท์นอนลากเข้าร่มในศาลาเล็กๆ น้ำฝนกระเซ็นสาดอยู่ในความมืด ความรู้สึกบอกตัวเองว่าอุปสรรคของภารกิจยากๆ ของเราเริ่มจากบทพิสูจน์ ‘ภายใน’ ว่าเรื่องฟ้าฝนนี้เราจะผ่านมันอย่างไร กับร่างกายที่ต้อง เตรียมความพร้อมในการเดินทางไกลด้วยเท้าในวันพรุ่งนี้ต่อไปอีกสิบกว่าวัน

นั่นหมายความว่าหากร่างกายที่พักผ่อนไม่พอในคืนแรกนี้มีปัญหา อย่าว่าแต่จะถึงกรุงเทพฯ ตามกำหนดการเลย พลาดพลั้งป่วยเจ็บขึ้นมาเดิน ไม่ถึงเสียแต่วันแรก ผมจะบอกกับผู้ร่วมขบวนอย่างไร?

อย่าว่าแต่จะเอาสายตาชนิดไหน ไปสบตากับผู้รอเย้ยหยัน

ผมตัดสินใจเก็บของเท่าที่ได้ให้พ้นฝน แล้วย้ายตัวเองขึ้นรถจี๊บคันเล็ก ปรับเบาะที่นั่งให้เอียงสุดและบังคับตัวเองให้หลับต่อกลางสายฝนที่กระทบรถเสียงดัง หลับๆ ตื่นๆ อยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจวิ่งออกจากรถ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในเวลาเกือบตีสี่

คณะทำงานของพวกเราพร้อมอยู่แล้วเมื่อผมเก็บของและเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสร็จ ขบวนรถสามสี่คันติดเครื่องอยู่ในปรอยฝนยามใกล้รุ่งตอนตีสี่กว่าๆ มีทีมนำของเราออกไปรอที่จุดนัดหมายที่บ้านแม่เรวาล่วงหน้าสักพักหนึ่งแล้ว 

ผมบอกขบวนว่า ผมเสร็จภารกิจส่วนตัวแล้ว ถ้าคณะพร้อมก็ออกเดินทาง

ในความมืด ผมพบตัวเองขับเจ้ารถสีขาวคู่ชีพ ขึ้นเหนือไปตามทิวเขาแม่กระทู้ ที่ทอดเงาดำมืด ทิวทะมึนเป็นกำแพงกั้นอาณาจักรเมืองและบ้านป่าอยู่ทางฝั่งตะวันตก ขบวนรถขับตามกันตามสบายเพราะทุกคนรู้ที่หมายที่นัดกันเป็นอย่างดี ว่าเราจะไปเริ่มเดินเท้าเข้ากรุงเทพกันที่หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เรวา ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ แน่นอนว่าถ้ารัฐบาลไม่มีโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ให้น้ำท่วมป่าของหน่วยพิทักษ์ป่าแห่งนี้ภารกิจของพวกเราก็คงไม่เกิดขึ้นในการเดินประท้วงรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเขื่อนแม่วงก์ ที่องค์กรอนุรักษ์ทักท้วงความบกพร่องของรายงานมาตลอด แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่เคยแสดงท่าทีสนใจ

ถึงสี่แยกเขาชนกัน ซึ่งหัวเขาแม่กระทู้ สิ้นสุดเกือบจะชนกับเทือกเขายาวเหยียดอีกทิวหนึ่งที่คนพื้นที่เรียกว่าเขาพริกไท เมื่อมองจากมุมฉากของทิวเขาเราจะเห็นทิวเขาสองทิวเหมือนจะยื่นเข้ามาบรรจบกัน ไม่แปลกหรอกที่ตำบลฟากหน้าทิวเขานี้ถึงมีชื่อว่าตำบล ‘เขาชนกัน’ ส่วนเมื่อข้ามกิ่วเขาเข้าไปด้านตะวันตกจึงจะถึงดินแดนที่ชื่อว่าตำบล ‘แม่เล่ย์’ ไม่แปลกเลยถ้าชื่อตำบลจะมาจากชื่อสายน้ำสาขาสำคัญของห้วยแม่วงก์ ที่ชื่อ ‘แม่เรวา’

นี่เป็นตัวอย่างของภูมิประเทศที่หาดูได้ยากทางธรณีวิทยาของกิ่วเขาที่มีสายธารผ่านทะลุออกมาจากอีกฝั่งหนึ่ง ความรู้ที่ผมมีบอกว่าเกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำสองฝั่งที่กัดเซาะอดีตของเขาแม่กระทู้ซึ่งเชื่อมต่อกับทิวเขาพริกไทเป็นเทือกเดียวในอดีต ลำน้ำสาขาคล้ายมือยักษ์ 2 มือตะกุยกัดเซาะเขาหินเข้าหากันนับพันนับหมื่นปี พัดพาตะกอนตามสายน้ำไปฝั่งตะวันออกและตะวันตก ผ่านมาถึงปัจจุบันหลักฐานเบื้องหน้าบอกเราว่า ลำน้ำสาขาของฝั่งตะวันออกที่ชื่อปัจจุบันว่า แม่วงก์จะทำงานทลายภูเขาได้เร็ว กัดเซาะไปทะลุถึงลุ่มน้ำอีกฝั่งที่แม่เรวาทำงานอยู่แต่ไหลไปทางตะวันตกเลี้ยวลงขนานทิวเขาด้านหลังนี้ไปทางใต้ แม่วงก์นี้เองที่ยังกัดเซาะลึกลงจนขโมยลุ่มน้ำแม่เรวาอีกฝั่งให้ไหลออกไปยังตะวันออก รวมเป็นลำน้ำแม่วงก์เดียวกัน เมื่ออาณาบริเวณแม่เล่ย์ ถูกกำหนดให้อยู่ในปกครองของอำเภอแม่วงก์ ชื่อของสายน้ำแม่เรวา ยิ่งถูกจำกัดสั้นไปเพียงสุดที่แก่งลำน้ำในป่า ห้วยน้ำใสจากป่าตะวันตกถูกยึดครองด้วยนามแห่งอำเภอที่ตั้งนับแต่ เริ่มออกสู่หมู่บ้าน กลายเป็นลำน้ำแม่วงก์

ไม่เพียงแต่อดีตที่ธรรมชาติเมื่อหลายหมื่นปีที่แล้ว พลังรุกรานของฝั่งตะวันออกที่คุกคามภูเขาด้านตะวันตกจะเป็นผู้ชนะ ขโมยน้ำแม่เรวาให้หลงแม่ไปหล่อเลี้ยงชีวิตทางฝั่งนั้น 

แต่ผ่านมาอีกยาวนานชีวิตฝั่งตะวันออกที่ไม่รู้จักพอเพียงแค่เปลี่ยนนามสายน้ำเพื่อยึดครองเธอ ก็ยังไม่หยุดในการรุกรานเธอต่อไป ไม่เพียงจะใช้สายน้ำใสของแม่เรวาดังเดิม แต่ถึงขนาดจะสร้างเขื่อนกั้นชีวิตของเธอให้ตายอยู่ในสภาพก้อนน้ำมืดดำ เก็บซากชีวิตเพื่อบังคับปริมาณน้ำที่ต้องการไปตามท่อน้ำ และคลองชลประทาน อย่างหยาบหยาม 

เอาเถอะ อย่างไรก็ตามในภาวะที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพัฒนา แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และบรรเทาอุทกภัยให้มนุษย์ผู้ยอมปรับเปลี่ยนธรรมชาติ แต่มิยอมปรับอาศัยวิถีอิงกับฤดูกาลอีกต่อไป ธรรมชาติก็สร้างกิ่วเขานี้ให้เหมาะสมกับความพอดีที่วิศวกรในอีกหลายหมื่นปีต่อมากั้นน้ำตรงกิ่วเขาที่ขโมยน้ำทั้งหมดของหุบเขาให้ทะลุเทือกเขายาวเหยียดออกมาด้านนอก เป็นอ่างยักษ์ธรรมชาติที่หากเพียงปิดทางออกเล็กแค่ สองร้อยเมตรนี้จะได้ปริมาณน้ำมหาศาลที่หล่อเลี้ยงผู้คนไปหลายอำเภอ หลังจากป่าเขาชนกัน

ถูกรัฐบาลให้สัมปทานตัดฟันไปขายเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และไม่มีผู้คน สรรพสัตว์ใดๆ อาศัยอยู่

แต่ความเห็นและเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวทำให้ผู้มีอำนาจ อิทธิพลชะลอการสร้างจากเหตุผลทางเทคนิคเล็กๆ น้อยให้การกั้นเขื่อนต้องขยับที่ตั้งไปในจุดห่างไกลออกไปอีกสิบกว่ากิโลเมตรไปยังจุดขัดแย้งระหว่างการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำในวันนี้

สันเขื่อนที่ต้องขยายขึ้นสามสี่เท่าตัว และปริมาณความจุของอ่าง เก็บน้ำที่ลดลงสองสามเท่า เป็นคำตอบของความคุ้มทุนไม่คุ้มทุนเมื่อต้องแลกมากับป่าไม้หมื่นกว่าไร่ และระบบนิเวศที่กระทบไปถึงป่ามรดกโลกห้วยขาแข้งที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกัน แต่แลกมาเพียงพื้นที่ชลประทานในหน้าแล้งไม่กี่หมื่นไร่ แก้ปัญหาน้ำท่วมได้นิดหน่อยเท่านั้น 

นั่นเป็นเหตุผลหลัก ที่ผมจะเดินประท้วงรายงานวิเคราะห์ผลกระทบและสุขภาพโครงการเขื่อนแม่วงก์

ผมเลี้ยวรถที่สี่แยก วิ่งสวนทิศทางน้ำไหลของห้วยแม่วงก์ ที่ถนนเลียบห้วยเข้าไปในกิ่วเขา บรรยากาศเช้ามืดที่ยังไม่มีธรรมชาติใดๆ มืดมิดกะทันหันจากไฟทางหลวงเมื่อเราแล่นรถถึงกลางกิ่วเขา

ในความมืดนั้นผมอดคิดไม่ได้ว่าหากนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลในอดีตผู้ซึ่งมีส่วนตัดฟันป่าไม้หลังเขาชนกันไปจนจรดแนวเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ในปัจจุบันเมื่อหลายสิบปีก่อน ยกผลประโยชน์ของตัวให้เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดมหึมาหลังเขาชนกัน เพียงแค่กั้นเขื่อนบริเวณกิ่วเขาตรงที่เรากำลังผ่านเข้าไป ป่านนี้ชุมชนลาดยาวที่เรียกร้องเขื่อนด้านนอกคงมีน้ำใช้มากมายมานานแล้ว ในปริมาณน้ำที่เพียงพอตามพื้นที่ไร่นายาวไปถึงจังหวัดอุทัยธานี เผื่อแผ่ล้นไปทางเหนือถึงกำแพงเพชร

แต่เมื่อเขาเห็นผลประโยชน์แค่ที่ทาง เขื่อนต้องถูกผลักเข้าไปสร้างในกิ่วเขาถัดไปในป่าใหญ่ปัจจุบัน แอ่งเก็บน้ำก็ไม่ใหญ่พอที่จะส่งไปถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ว่ามาเสียแล้ว แต่ก็นั่นแหละ คนที่จองที่ไว้ให้ลูกหลานรุ่นนี้อย่างท่านก็ได้รับประโยชน์ทั้งที่ดินเกษตรอุดมสมบูรณ์ และน้ำจากเขื่อนก่อนชุมชนที่เรียกร้องอยู่ที่ไกลออกไป

นักการเมืองรุ่นไหนๆ ก็ใช้กลไกของรัฐเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น ผมตอกย้ำความเชื่อของตัวเองในช่วงขับรถผ่านกิ่วน้ำเขาชนกัน

แสงไฟรถส่องกระทบเศษซากศาลเจ้าเก่านับร้อยๆ หลังที่ถูกนำมาทิ้งข้างทางทำให้บรรยากาศหลังอาณาจักรเขาชนกันดูน่าลึกลับ เงาไม้ สายฝน ทำให้ชวนจินตนาภาพถึงเหล่าวิญญาณเร่ร่อนแห่งสรรพสัตว์ ผู้คน สัมภเวสีนานา ภายใต้ความดูแลของเจ้าป่าเจ้าเขา

ผมบีบแตรรถยาวลากเสียงสามครั้งเพื่อคาราวะสิ่งที่หัวใจยำเกรงอธิษฐานบอกกล่าวเล่าภารกิจระหว่างที่มือสาวพวงมาลัยไปตามทางโค้งพ้นกองซากศาลเจ้าเก่า พลันเบื้องหน้าป่าใหญ่เหมือนสว่างวาบขึ้นทั้งภายนอกที่อาจจะเกิดจากจินตภาพ

แต่ภายในผมรู้สึกได้ว่า ‘ป่าเปิด’ ให้ผมเข้าไปแล้วอย่างแจ่มชัดยิ่ง

ผมขับรถล่องลอยผ่านชุมชนเล็กๆ ชื่อบ้านตลิ่งสูง ตามทางคุ้นเคยจากสถานการณ์บังคับให้มารู้จักกับข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนแม่วงก์ในหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้ว่าจากนี้ไปอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมจะถึงจุดนัดหมายที่จะต้องเดินย้อนกลับมาที่นี่บนสองขาที่ใช้เวลาหลายเท่าตัว

บางทีมนุษย์ก็ไม่มีเหตุผลอธิบายสิ่งที่อยากทำ และต้องทำในทุกเรื่อง อย่างเช่นเรื่องที่กำลังจะเกิดกับพวกเราในอีกสิบกว่าวันข้างหน้า ที่เราล้วนกำหนดเส้นทาง และภารกิจไว้ที่สองเท้าและหัวใจ

10 ปี เดินเท้าคัดค้าน EHIA โครงการเขื่อนแม่วงก์

ร่วมรักษาป่าใหญ่และสิ่งแวดล้อมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร

สแกนผ่านระบบ Mobile Banking