ป่าห้วยขาแข้ง ได้รับการประกาศให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อปี พ.ศ. 2515 เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำดับที่ 5 ของไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยองค์การยูเนสโกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อกัน

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีเนื้อที่ 1,737,587 ไร่ ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงทางตอนเหนือของพื้นที่ลาดเทไปทางตอนใต้ มีที่ราบไม่กว้างมาก นักบริเวณริมสองฝั่งลำห้วยขาแข้ง มียอดเขาที่สำคัญ คือยอดเขาปลายห้วยขาแข้ง ความสูง1,678 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีลำห้วยที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยขาแข้ง มีความยาวประมาณ 20 กิโลมตร ไหลลงสู่แม่น้ำแม่กลอง พื้นที่ทางด้านตะวันตกระบายน้ำลงสู่เขื่อนศรีนครินทร์ ทางด้านตะวันออกระบายน้ำลงแม่น้ำสะแกกรัง

ทางด้านทรัพยากรป่าไม้ สภาพป่าที่พบในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แบ่งออกเป็น 5 ชนิด ประกอบด้วยป่าดิบเขาระดับต่ำ ป่าดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าผสมผลัดใบ หรือป่าเบญจพรรณ

ด้วยสภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่มีความหลากหลาย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งจึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด บางชนิดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เช่น สมเสร็จ เก้งหม้อ เลียงผา กระทิง วัวแดง ควายป่า ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ทางธรรมชาติแห่งสุดท้ายแล้วในประเทศไทย

อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และได้แพร่ขยายไปยังพื้นที่ป่าใกล้เคียงกันด้วย จากการศึกษาพบว่าในห้วยขาแข้งมีเสือโคร่งประมาณ 81-98 ตัว จากปริมาณทั้งหมดที่มีในธรรมชาติในประเทศไทย 197-223 ตัว

ในด้านการดูแลรักษาผืนป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ถือเป็นพื้นที่ต้นแบบตัวอย่างของการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ ที่ทำงานบนหลักวิชาการ มีการจัดทำและทบทวนแผนแม่บทเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอย่างสม่ำเสมอ มีการจัดตั้งหน่วยพิทักษ์ป่าที่ครอบคลุมกระจายการดูแลทั่วถึงทั้งพื้นที่

เป็นต้นแบบการลาดตระเวนเชิงคุณภาพที่ถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานการทำงานในพื้นที่อนุรักษ์อื่นๆ ทั่วประเทศในปัจจุบัน มีการทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชน และสร้างความร่วมมือกับชุมชนในการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่ากันชนประชิดแนวเขตตลอดแนวพื้นที่

ผลสัมฤทธิ์ที่เห็นได้ชัดของการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คือสามารถรักษาประชากรสัตว์ป่าที่สำคัญคงอยู่ตามรายงานการนำเสนอมรดกโลก มีตัวอย่างเชิงประจักษ์ถึงการเพิ่มจำนวนของเสือโคร่งและสัตว์ป่าอื่นๆ อย่างชัดเจน มีรายงานการติดตามประชากรเสือโคร่งโดยสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำนำเสนอเป็นประจำทุกปี

รวมถึงเป็นพื้นที่ฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่าที่สำคัญ โดยเฉพาะสัตว์กีบ ที่ได้ทำงานร่วมกับสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าโดยมีการปล่อยสัตว์กีบที่เป็นอาหารของเสือขนาดเล็กที่มีความสำคัญในห่วงโซ่อาหาร ได้แก่ เนื้อทราย และละองละมั่ง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่เคยสูญพันธุ์ไปจากป่าห้วยขาแข้งแล้วให้สามารถฟื้นฟูประชากรกลับมา

รวมถึงการริเริ่มดำเนินโครงการจัดตั้งเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเพื่อรองรับสัตว์ป่าที่ออกมาหากินนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ร่วมมือกับชุมชนประชิดพื้นที่ในการดูแลสัตว์ป่าและส่งเสริมการท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ปฏิเสธมิได้ว่าการดูแลรักษาป่าห้วยขาแข้งจะปราศจากอุปสรรคหรือภัยคุกคามเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ การล่าสัตว์ขนาดเล็กและการเก็บหาของป่าเพื่อยังชีพรอบๆ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายังมีอยู่อย่างเข้มข้นและบางครั้งมีผู้ลักลอบเข้าไปเก็บในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

ขณะที่ปัจจุบัน ประเด็นสัตว์ป่าออกมาหากินนอกพื้นที่อนุรักษ์จนเกิดความเสียหายให้แก่พืชเกษตรของชุมชน กลายเป็นประเด็นร้อนแรงและก่อให้เกิดทัศนคติเชิงลบต่อการอนุรักษ์ป่า ที่การจัดการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันยังดำเนินการได้ไม่ดีพร้อมจากปัญหาเรื่องงบประมาณ ตลอดจนกำลังของเจ้าหน้าที่ เหล่านี้ทำให้เกิดช่องว่างของการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าเกิดขึ้น

ปัจจุบันเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีเขตการจัดการ (Zoning) จำแนกเป็น 8 เขต ประกอบด้วย

เขตบริหารการจัดการ

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 8,987.5 ไร่ ร้อยละ 0.51 เป็นที่ตั้งของสำนักงาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง บ้านพักเจ้าหน้าที่ อนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร ที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ป่า ที่ตั้งจุดสกัด อาคารสำนักงานอื่นๆ

เขตสงวนธรรมชาติเข้มข้น

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1,406,887.5 ไร่ หรือร้อยละ 80.96 เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีความเปราะบางของทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยังคงมีความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมอยู่มาก และเกิดผลกระทบได้ง่ายหากให้มีการใช้ประโยชน์โดยไม่มีการควบคุม

เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 256,532.5 ไร่ หรือร้อยละ 14.76 เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของเป้าหมายการอนุรักษ์ คือ เสือโคร่ง วัวแดง ควายป่า ช้าง และกวางป่า พื้นที่มีสภาพธรรมชาติดั้งเดิม จัดทำไว้เพื่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

เขตฟื้นฟูสภาพถิ่นที่อยู่อาศัย

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 60,262.5ไร่ หรือร้อยละ 3.46 เป็นพื้นที่แปลงชิงเผาในการจัดการพืชอาหารสัตว์ แหล่งน้ำสำหรับสัตว์ป่า และพื้นที่เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมให้มีสภาพอุดมสมบูรณ์ดังเดิมเท่าที่จะสามารถทำได้

เขตพื้นที่การศึกษาธรรมชาติและการวิจัย

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3,050 ไร่ หรือร้อยละ 0.17 มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะแก่การศึกษาธรรมชาติ เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ หอดูสัตว์ป่า การเข้าใช้งานในพื้นที่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และไม่ขัดต่อระเบียบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

เขตกันชน

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 343,425 ไร่ กำหนดพื้นที่ด้านตะวันออกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เป็นพื้นที่ที่ติดต่อกับชุมชน อาจมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในรูปแบบอื่นๆ รวมไปถึงมีปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ ซึ่งกระทบกับพืชเกษตรของชุมชนโดยรอบ

เขตพื้นที่โครงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ตามหลักวิชาการ วัฒนธรรม และวิถีชุมชน

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 41,275 ไร่ หรือร้อยละ 2.37 วิเคราะห์จากข้อมูลการลาดระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่มีการเก็บหาของป่าในพื้นที่ ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

เขตพื้นที่โครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้สิทธิในที่ดิน

มีขนาดพื้นที่ประมาณ 75 ไร่ หรือ ร้อยละ 0.004 ลักษณะพื้นที่ที่มีโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยมิได้สิทธิในที่ดิน ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

จากการแบ่งพื้นที่การจัดการดังกล่าวจะเห็นว่า มีเขตการจัดการหนึ่งระบุไว้เป็น ‘เขตกันชน’ โดยในอดีตตามแผนแม่บทการจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้ใช้คำว่า ‘พื้นที่กันชน’ มีคำอธิบายว่า เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่อื่นๆ รอบแนวเขตซีกตะวันออกของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในรัศมี 5 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนนี้จะต้องอนุรักษ์ไว้เป็นพื้นที่ป่าผลิตผล สวนป่า แหล่งน้ำ และพื้นที่พักผ่อนหน่อยใจของประเชาชน หน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบพื้นที่ เช่น ป่าไม้จังหวัดและป่าไม้เขต กรมชลประทาน บริษัทไม้อัด และกรมทรัพยากรธรณี จะต้องจัดการพื้นที่โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

สำหรับปัจจุบัน ‘เขตกันชน’ ได้ขยายความที่เชื่อมโยงกับชุมชนเป็นหลัก ทั้งประเด็นการใช้ประโยชน์และมีปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ ซึ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการ อาทิ การกำหนดกติกาการเก็บหาของป่าที่ชัดเจน หรือการทำงานร่วมกันเพื่อลดผลกระทบเนื่องสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ ที่ไม่เพียงกระทบต่อพืชเกษตรชุมชน แต่ทั้งส่งผลต่อขวัญกำลังใจคนทำงาน และสุขภาพจิตของชุมชนเพิ่มมากขึ้น