ปล่อยให้ป่าฟื้นตามธรรมชาติ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการปลูกป่า

ปล่อยให้ป่าฟื้นตามธรรมชาติ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการปลูกป่า

กระบวนการปลูกป่าทดแทนที่ยุ่งยากและต้นทุนสูง เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่า ซึ่งถูกตัดทิ้งลงอาจไม่ใช้ทางเลือกหนึ่งเดียวที่จะเพิ่มความสามารถในการดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของโลก งานวิจัยชิ้นล่าสุดพบว่า การปล่อยให้ป่าฟื้นคืนกลับมาด้วยตัวเองโดยมนุษย์ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ต้นทุนต่ำกว่า

การรักษาผืนป่าไว้ให้ยังคงอยู่นับเป็นทางเลือกที่ดีในการลดผลกระทบจากวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ของโลก แต่พื้นที่ป่าและทุ่งกว้างได้ถูกทำลาย และเสื่อมโทรมลงจากการตัดไม้ทำลายป่า การขยายพื้นที่การเกษตร หรือการใช้พื้นที่แบบอื่น ๆ 

แนวคิดดั้งเดิมในการแก้ไขปัญหาคือ การปลูกป่าทดแทนเพื่อให้เกิดสมดุลทางคาร์บอน แต่การศึกษาชิ้นล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature พบว่าการปล่อยให้ป่าไม้ฟื้นกลับมาด้วยตัวเองนั้นต้นทุนถูกกว่า และยังเปิดโอกาสให้สัตว์ป่าและต้นไม้ท้องถิ่นกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

Susan Cook-Patton จาก The Nature Conservancy ผู้เขียนหลักของงานวิจัยชิ้นดังกล่าวระบุว่า การปล่อยให้ป่ากลับคืนมาตามธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ตรงไปตรงมา “สิ่งที่เราต้องทำคือการขจัดสิ่งรบกวนหรืออุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้ป่าฟื้นฟูได้ เช่น ทุ่งหญ้าที่มีวัวมาเล็มหญ้าอย่างสม่ำเสมอ เราก็เพียงกันวัวออกจากพื้นที่โดยการล้อมรั้ว แต่ในกรณีอื่น ป่าไม้จะสามารถฟื้นกลับมาได้เองโดยไม่ต้องมีการปลูกแต่อย่างใด”

ภูมิภาคที่เหมาะสมที่สุดที่จะปล่อยให้ผืนป่ากลับคืนมาตามธรรมชาติคือ ภูมิภาคร้อนชิ้นทางภาคตะวันตกและภาคกลางของแอฟริกา ขณะที่การฟื้นตัวของป่าจะใช้เวลานานกว่าในภาคกลางของยุโรปและตะวันออกกลาง

การศึกษาชิ้นดังกล่าวไม่ได้เปรียบเทียบอัตราการฟื้นตัวของผืนดินที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างกับที่ดินซึ่งมีโครงการปลูกป่า หรือต้นทุนของโครงการดังกล่าว Susan Cook-Patton อธิบายว่า มนุษย์อาจต้องเข้าไปข้องเกี่ยวบางประการเพื่อให้ป่าไม้สามารถฟื้นตัวกลับมาโดยมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด

“หากแหล่งเมล็ดพันธุ์อยู่ไม่ไกล และที่ดินไม่เสื่อมโทรมมากนัก ป่าไม้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพจะสามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้เอง” เธอระบุ “หากพื้นที่ดังกล่าวเสื่อมโทรมและแหล่งเมล็ดพันธุ์อยู่ห่างไกล หรือมีแหล่งเมล็ดพันธุ์ที่ไม่หลากหลาย มนุษย์ก็อาจจำเป็นต้องเข้าไปปลูกป่า เพื่อหนุนเสริมกระบวนการฟื้นตัวของป่าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี การปลูกป่าทดแทนอาจไม่ได้หมายความว่า ป่าที่ฟื้นตัวกลับมาจะมีความหลากหลาย เนื่องจากการเก็บเมล็ดพันธุ์หลายชนิดมาเพื่อปลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”

ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์จะดูดซับแก๊สเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ราว 1 ใน 3 ในแต่ละปี การศึกษาพบว่า ศักยภาพในการดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ของป่าที่ฟื้นตัวเองตามธรรมชาติถูกประเมินต่ำเกินไปราวสามสิบเปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย

การศึกษาชิ้นดังกล่าวยังเสนอวิธีการที่จะสร้างแผนที่ระบุว่า พื้นที่ใดในโลกที่เหมาะสมในการปล่อยให้ป่าไม้ฟื้นกลับมาด้วยตัวเอง

“เราทราบดีว่ามันไม่มีคำตอบเดียวสำหรับการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” Nancy Harris จาก World Resources Institute หนึ่งในคณะวิจัยระบุ “เป้าหมายของเราคือแสดงให้เห็นว่าป่าไม้สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เร็วมากโดยที่เราแทบไม่ต้องเข้าไปยุ่ง มาตรการลดผลกระทบที่จะช่วยให้ป่าไม้ยังอยู่ได้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และป่าไม้เหล่านี้เองที่จะช่วยทำงานรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบางส่วนให้เรา”

ถอดความและเรียบเรียงจาก Leaving forests to regrow naturally ‘could be better option than replanting’

ผู้เขียน

+ posts

บัณฑิตการเงินและการบัญชีที่สนใจความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่าน เขียน เรียนคอร์สออนไลน์ และเลี้ยงลูกชายวัยกำลังน่ารัก