สรุปเหตุการณ์จับซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ # 2

สรุปเหตุการณ์จับซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ # 2

หลังจากศาลจังหวัดทองผาภูมิอนุญาตให้ประกันตัวนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน จากเหตุการณ์ล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ไปเมื่อวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ได้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี และประเด็นที่น่าสนใจต่างๆ ดังนี้

 

ค้นบ้าน “เปรมชัย” เจอปืน 43 กระบอก-งาช้าง 4 กิ่ง

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ขออนุมัติศาล เข้าค้นบ้านพักนายเปรมชัย พบอาวุธปืน 43 กระบอก มีไรเฟิลติดลำกล้อง โดยสั่งอายัดอาวุธปืนทั้งหมดตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง รวมถึงตรวจหา DNA ลายนิ้วมือ และยังพบงาช้าง 4 กิ่ง ได้ส่งให้กรมอุทยานฯ นำไปตรวจหลักฐานการครอบครอง แต่ไม่พบว่านายเปรมชัยอยู่ในบ้าน

PHOTO NationPHOTO Rachanon Intharagsa รชานนท์ อินทรักษา

พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลักฐานแวดล้อม ชัดเจนว่า นายเปรมชัย มีพฤติการณ์เป็นคนชอบล่าสัตว์ เนื่องจากปืนยาว ส่วนใหญ่เป็นปืนคล้ายกลับอาวุธปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก และมองว่ามีเจตนาเข้าไปล่าสัตว์ชัดเจน เพราะไม่มีการเตรียมสเบียงอาหาร แต่ในทางสำนวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง แต่หากนายเปรมชัย จะอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือยิงก็ให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล

ในส่วนของงาช้างที่พบนั้น กรมอุทยานฯ จะนำไปตรวจสอบประวัติการขึ้นทะเบียนการครอบครองงาช้างของนายเปรมชัย และตรวจดูว่าขนาด และงาช้างที่ครอบครองที่ตำรวจยึดมาตรงกับฐานข้อมูลที่เคยแจ้งครอบครองกับกรมอุทยานฯ หรือไม่

 

อีจัน…เปิดใจเปรมชัย พร้อมขอโทษ

แม้ในการค้นบ้านครั้งนี้จะไม่พบนายเปรมชัย แต่เพจอีจัน เฟสบุ๊คที่นำเสนอข่าวแนวสืบสวนสอบสวนคดีดัง ได้เผยคลิปเสียงของนายเปรมชัย โดยการติดต่อขอสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวอาวุโสเพจอีจัน ความยาว 2.14 นาที ขอให้นายเปรมชัยกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีกระแสทางโซเชี่ยลมีเดียโจมตีค่อนข้างรุนแรง

โดยนายเปรมชัย กล่าวแต่เพียงว่า “เรื่องขอโทษนี่ ผมยินดีที่ขอโทษนะครับ เพราะผมก็มีส่วนผิด แต่หลายอย่างที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้เกี่ยวข้องครับ ไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมก็ให้เป็นขั้นตอนของศาลว่าเขาจะตัดสินว่าอย่างไร ผมอยากเรียนให้ทราบเท่านี้ก่อนครับ”

อีจันเปิดใจเปรมชัย พร้อมขอโทษ เพราะผมมีส่วนผิด

อีจัน…เปิดใจเปรมชัย พร้อมขอโทษ เพราะผมมีส่วนผิด

Posted by อีจัน on Tuesday, 6 February 2018

 

ลูกเสือดำที่จากไป

ในบรรดาหลักฐานที่พบจากการล่า ซากของเสือดำ เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เนื่องจากเป็นสัตว์ผู้ล่าที่มีสถานะใกล้สูญพันธุ์ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 IUCN จัดให้เสือดาวอยู่ในสถานะสัตว์ป่าที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (Vulnerable) และอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ CITES

นักวิชาการด้านสัตว์ป่า นายสมโภชน์ ดวงจันทราศิริ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ กล่าวถึงเรื่องซากเสือดำที่ตกเป็นเหยื่อการล่า จากขนาดที่เห็นในข่าวเข้าใจว่าเป็นลูกเสือดำ ไม่น่าจะใช่เสือตัวเต็มวัย ทั้งนี้เสือดาวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่ฝั่งตะวันตกนั้นมีอยู่ประมาณ 100-130 ตัว ทั้งนี้เสือดาว และเสือดำถือเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน โดยทั้ง 2 ชนิดสามารถผสมพันธุ์กันได้ โดยลูกเสือ 1 คลอกที่ออกมาจากแม่เสือดาวนั้น จะเป็นลูกเสือดาว 2 ตัว ลูกเสือดำ 1 ตัว ซึ่งปริมาณเสือดำในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจะมีประมาณ 20% ของปริมาณเสือดาวทั้งหมด

“เสือดาว เสือดำเป็นสัตว์ที่มีความปราดเปรียว และมีความคล่องแคล่วค่อนข้างสูง ปีนต้นไม้ได้ ล่าเหยื่อที่อยู่บนต้นไม้ได้ เหยื่อของเสือดำจะเป็นสัตว์ขนาดเล็กกว่าเหยื่อของเสือโคร่ง เช่น เก้ง กวาง หมูป่าขนาดเล็ก หรือ ลิง ค่าง เป็นต้น การสูญเสียเสือดำในธรรมชาติในลักษณะที่ผิดธรรมชาติ แม้เพียง 1 ตัวก็ถือว่า เป็นความสูญเสียที่ไม่น่าจะต้องสูญเสียเลย”

 

ร่วมลงชื่อดำเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ และบอยคอตบริษัทอิตาเลียนไทย

ความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทำให้สาธารณชนในโซเชี่ยลมีเดียได้สร้างแคมเปญร่วมลงชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org ถึง 2 กิจกรรมด้วยกัน

กิจกรรมแรก ดำเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ในเขตอุทยานฯ ต้องโปร่งใส และมีมาตรฐานแบบเดียวกันทุกคดี คลิกเพื่อร่วมลงชื่อ

กิจกรรมที่สอง ให้บริษัท อิตาเลียนไทย แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในเรื่องนี้ รวมถึงให้หน่วยงานรัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรกดดันการดำเนินงานกับบริษัทนี้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สังคมต่อไป คลิกเพื่อร่วมลงชื่อ

โดยทั้งสองกิจกรรมมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วกิจกรรมล่ะเกือบ 50,000 รายชื่อ (วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

 


เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร